วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพ

ตอนที่ ๒


ภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพ

หน่วยทหารระดับกรมและต่ำกว่าลงไป มักจะเป็นหน่วยที่ได้รับมอบให้ปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ และบ่อยครั้งที่ทหารเป็นบุคคลจะได้รับภารกิจเป็นผู้สังเกตการณ์ หน่วยทหารที่มักจะประกอบกำลังกันเป็นหน่วยปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ได้แก่ กองบัญชาการ, หน่วยกำลังรบ, หน่วย สนับสนุนการรบ และหน่วยสนับสนุนการช่วยรบ โครงสร้างของหน่วยและส่วนเพิ่มเติมจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ กองกำลังรักษาสันติภาพอาจได้รับมอบภารกิจหลากหลาย ในตอนที่ ๒ นี้ จะอธิบาย รายละเอียดเกี่ยวกับ แบบของการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ และกิจเฉพาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติเพื่อให้สำเร็จภารกิจ



๔ - ๙ ประเภทของการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ

การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ จะสนับสนุนความพยายามในทางการทูต เพื่อให้ได้มา, ดำรงรักษา หรือผดุงไว้ซึ่งสันติภาพในพื้นที่ หรือภูมิภาคที่มีความขัดแย้ง การปฏิบัติการรักษาสันติภาพแต่ละแบบ จะมีลักษณะเฉพาะตัว แต่อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติการรักษาสันติภาพ อาจจะประกอบด้วยภารกิจบางภารกิจ หรือหลายภารกิจผสมผสานกันดังนี้.-

• การถอนกำลัง และการแยกออกจากการปะทะ

• การหยุดยิง

• การแลกเปลี่ยนเชลยศึก

• การควบคุมอาวุธ

• การจัดทำเขตปลอดทหาร และการระงับการเคลื่อนย้ายกำลัง

๔ - ๑๐ กิจในการรักษาสันติภาพ

การปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพแต่ละแบบให้สำเร็จลุล่วง ล้วนแต่ต้องประสบกับสถานการณ์ที่คลุมเครือไม่กระจ่างชัด กองกำลังรักษาสันติภาพอาจต้องประสบกับความตึงเครียดสูงสุด และความรุนแรงโดยไม่มีส่วนร่วมในสาเหตุ การเข้าร่วมปฏิบัติงานของกองกำลังอาจต้องใช้หน่วยทหาร หรือบุคลากรเพื่อปฏิบัติกิจเฉพาะ หรือกิจพิเศษเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมบางอย่าง

ก. กิจซึ่งตามปกติมักจะถูกมอบให้กองกำลังรักษาสันติภาพ มีดังต่อไปนี้.-

(๑) แยกกำลังทหารที่เป็นปรปักษ์ออกจากกันและขณะเดียวกันก็จัดตั้งเขตกันชน

(๒) กำกับดูแลการตกลงยินยอมสงบศึก หรือหยุดยิง

(๓) ป้องกันการพิพาทกันด้วยอาวุธระหว่างชาติ หรือภายในชาติ

(๔) สร้างภาวะแห่งการดำรงรักษากฎหมาย, คำสั่ง และการนำกลับสู่สภาวะปกติ

ข. เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในภารกิจตามที่กล่าวมาแล้วข้างบนนั้น, ผู้บังคับบัญชาจะจัดตั้งและใช้หน่วยทหารรักษาสันติภาพ และชุดผู้สังเกตการณ์ภายในพื้นที่เขตปลอดทหาร หรือเขตกันชนในระหว่างกำลังของคู่ปรปักษ์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กำลังทหารรักษาสันติภาพเพื่อ.-

(๑) ปฏิบัติการควบคุมและเฝ้าตรวจพื้นที่ หรือเขต หรือเส้นแบ่งเขตระหว่างกำลังทหารของคู่ปรปักษ์

(๒) ป้องกันการแทรกซึม หรือการเผชิญหน้ากันของกำลังทหารฝ่ายที่เป็นคู่กรณี

(๓) แยกกำลังทหารของประเทศคู่กรณีออกจากกันโดยเด็ดขาดเพื่อจัดตั้งเขตกันชน

(๔) อำนวยการ กำกับดูแลการเจรจาระหว่างประเทศคู่กรณี

(๕) กวาดล้างรื้อถอนทุ่นระเบิดในเขตกันชน เพื่อให้กองกำลังรักษาสันติภาพสามารถเคลื่อนที่ได้โดยเสรี

ค.กิจเฉพาะนี้อาจรวมถึงการออกสำรวจกำลังทหารและกำลังกึ่งทหารของคู่กรณีเพื่อให้มั่นใจว่า.-

(๑) ไม่มีการเพิ่มเติมกำลังภายในหน่วยทหารให้มากเกินไปกว่าที่ตกลงกันไว้ระหว่างคู่กรณี

(๒) ไม่มีการวางเครื่องกีดขวางเสริมเพิ่มเติมไปจากที่มีอยู่

(๓) ไม่มีการเพิ่มเติมอาวุธยุทโธปกรณ์และสิ่งอุปกรณ์อื่น ๆ มากเกินไปกว่าที่ตกลงกันไว้

(๔) เขตปลอดทหารหรือเขตกันชน จะไม่มีอากาศยานของคู่กรณีบินผ่าน

ง. วิธีการที่จะทำให้ภารกิจบรรลุความสำเร็จมีดังนี้.-

• การสังเกตการณ์

• การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ

• การควบคุมการจราจร

• การสำรวจพื้นที่ล่อแหลม

• ป้องกันและห้ามปรามการแสดงกำลัง

• ตรวจสอบการขนส่งสินค้า

• ค้นหาบุคคลผู้สูญหาย

• ดำเนินการเจรจากับหน่วยงานในท้องถิ่น

• จัดดำเนินการส่งกำลังบำรุงเพื่อแยกชนกลุ่มน้อยให้โดดเดี่ยว

• รวบรวมข้อมูลข่าวสาร

• กวาดล้างรื้อถอนทุ่นระเบิด

• จัดทำเครื่องหมายแสดงเขตจำกัดกำลังทหารส่วนหน้า

• ตรวจรับจำนวนผู้เสียชีวิตที่ยังหลงเหลือ

ตอนที่ ๓

ยุทธวิธี, เทคนิค และระเบียบขั้นตอน

ในระหว่างทุกขั้นตอนการปฏิบัติ, กำลังพลในหน่วยทหารรักษาสันติภาพจะต้องแสดงออกอย่างคงเส้นคงวาในเรื่องการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามมติในข้อตกลง ให้ประจักษ์ต่อฝ่ายคู่กรณีและฝ่ายผู้ร่วมงานทั้งปวง การแสดงออกซึ่งความไม่พอใจหรือไม่เชื่อถือของคู่กรณีที่มีต่อกำลังพลของกองกำลังรักษาสันติภาพ ย่อมจะบั่นทอนโอกาสที่จะบรรลุผลในภารกิจ และยังจะสร้างความอ่อนแอให้กับหน่วยอีกด้วย การเข้าควบคุมรักษาระดับความรุนแรง จำเป็นต้องใช้การผสมผสานเทคนิคหลายประการเข้าด้วยกัน ยุทธวิธี เทคนิค และระเบียบขั้นตอนที่จะใช้ปฏิบัติกิจเฉพาะและกิจแฝงในการรักษาสันติภาพ จะได้นำมาอธิบายไว้ในตอนที่ ๒ นี้



๔ - ๑๑ การสังเกตการณ์

การสังเกตการณ์เป็นเทคนิคพื้นฐานอย่างง่าย ๆ ที่มักนำมาใช้ในภารกิจการรักษาสันติภาพทุกแบบ ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นหน้าที่หลักและเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ผู้สังเกตการณ์จะสังเกตการณ์และรายงานตามที่ได้รับคำสั่งให้เฝ้าติดตามเหตุการณ์ในพื้นที่ของการตรวจการณ์นั้น นอกจากนี้จะต้องจัดทำรายงานที่มีความถูกต้องตามห้วงระยะเวลาในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นที่สงสัย

ก. การตรวจการณ์ต้องการใช้ความเข้าใจทั้งในหลักความจริง และการนำหลักความจริงนั้นไปใช้งาน ผู้สังเกตการณ์ควรจะรายงานข้อมูลข่าวสารขึ้นไปยังหน่วยเหนือโดยไม่ชักช้า ผลสำเร็จของการรักษาสันติภาพจะขึ้นอยู่กับความไม่เอนเอียง, การรายงานข้อเท็จจริงโดยการใช้ข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ (แผนที่, ภาพร่างภูมิประเทศ, แผนภาพ, ภาพถ่าย) และการอ้างอิงถึงข้อตกลงจำเพาะหรือคำแนะนำพิเศษ ผู้สังเกตการณ์สามารถรวบรวมข้อมูลดังกล่าว โดย

(๑) จัดตั้งและใช้ที่ตรวจการณ์ในพื้นที่ส่วนหน้า

(๒) ส่งหน่วยรอง และหน่วยย่อยเข้าไปในพื้นที่ที่มีความล่อแหลมต่อการพิพาท และพื้นที่หรือจุดที่มีปัญหา

(๓) ปฏิบัติการของจุดตรวจทั้งบนถนนหลักและถนนลำลอง ทั้งในหมู่บ้านและในเมือง

(๔) การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ รวมทั้งการลาดตระเวนทางอากาศ

(๕) ใช้การปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง, การตรวจสอบ และการสอบสวน

(๖) ใช้กล้องถ่ายวิดีทัศน์ และเครื่องบันทึกเทป, หากได้รับอนุญาต

(๗) ใช้การถ่ายภาพทางอากาศ

(๘) การเฝ้าฟังการถ่ายทอด และส่งข่าวทางวิทยุของกำลังทหารฝ่ายคู่กรณี

(๙) ใช้ระบบการตรวจจับทางคลื่นเสียง, คลื่นการสั่นสะเทือน และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ข. ผู้สังเกตการณ์ทางทหารต้องมีความยุติธรรม ไม่ลำเอียงและมีจุดหมายในการปฏิบัติ ซึ่งต้องพยายามหลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่อาจก่อให้เกิดการเคลือบแคลงสงสัย ในความไม่ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้สังเกตการณ์ทางทหารจึงไม่ควรมีทั้งญาติหรือความสัมพันธ์ทางครอบครัว หรือความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นพิเศษกับบุคคล หรือองค์กรในประเทศในพื้นที่ปฏิบัติการ

ค. หากกองกำลังรักษาสันติภาพ ไม่มีชุดผู้สังเกตการณ์มาขึ้นการควบคุมทางยุทธการ กองกำลังจะต้องหาหนทางสนองความต้องการในการสังเกตการณ์ให้ได้ ทั้งนี้หมายรวมถึง การเฝ้าดูและการรายงานกิจกรรมของกำลังทหารฝ่ายคู่กรณีในบริเวณพื้นที่เขตกันชน, พื้นที่การแยกออกจากกัน หรือในพื้นที่ปฏิบัติการ การจัดชุดสังเกตการณ์ของกองกำลัง มักจัดในระดับหมู่หรือต่ำกว่า โดยให้นายสิบที่มีอาวุโสไม่มากนักเป็นหัวหน้าชุด

ง. ผู้สังเกตการณ์ต้องมีความสุขุม และมีวิจารณญาณต่อเหตุการณ์ หรือเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นผลต่อทางราชการ จะต้องไม่แพร่งพรายข่าวสารเกี่ยวกับที่ตั้งและตำแหน่งของตนให้ผู้อื่นทราบ และต้องไม่ใช้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวในการก่อให้เกิดความได้เปรียบของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้สังเกตการณ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถืออาวุธไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม

จ. ในการปฏิบัติการของ UN, ภารกิจของผู้สังเกตการณ์จะถูกกำหนดแยกต่างหาก นอกเหนือจากของกองกำลังรักษาสันติภาพ อย่างไรก็ตาม หากผู้สังเกตการณ์เข้ามาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เดียวกับกองกำลังแล้ว ก็จะปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด ภารกิจของผู้สังเกตการณ์จะไม่ใช่ภารกิจติดอาวุธ, ที่ตรวจการณ์จะมีอยู่เพียงกำลังพลหรือเจ้าหน้าที่เท่านั้น การบริหารจัดการกำลังพลในสนาม จะถูกดำเนินการโดยหน่วยที่ตนไปขึ้นการควบคุมทางยุทธการอยู่ นายทหารซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าฝ่าย อำนวยการจะกำกับดูแลการจัดองค์กรโดยส่วนรวม ซึ่งรวมถึงผู้บังคับบัญชาของชุดผู้สังเกตการณ์ ซึ่งไม่ได้ถูกใช้งานในความควบคุมทางยุทธการของกองกำลังรักษาสันติภาพ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ณ ที่ ตรวจการณ์แต่ละแห่ง จะไม่เป็นกำลังพลจากชาติเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์ทางทหารจะปฏิบัติภารกิจ สังเกตการณ์ในพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งต้องการการเฝ้าตรวจของ UN ผู้สังเกตการณ์ทางทหารยังต้องทำหน้าที่ตรวจสอบในพื้นที่ของการจำกัดกำลังทหารและอาวุธ จะต้องมั่นใจว่ากำลังทหารและจำนวนอาวุธยุทโธปกรณ์ตามข้อตกลงกันนั้น จะไม่ถูกเพิ่มจำนวนยอดขึ้น ผู้สังเกตการณ์อาจได้รับมอบหน้าที่ในการเจรจาในระดับต่ำเกี่ยวกับปัญหาระหว่างคู่กรณี

ฉ. ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของที่ตรวจการณ์ลักษณะต่าง ๆ

(๑) ที่ตั้ง และประเภทของที่ตรวจการณ์ ได้รับอนุมัติจากผู้บัญชาการกองกำลังรักษาสันติภาพ หรือโดยหัวหน้าฝ่ายอำนวยการของชุดผู้สังเกตการณ์เอง ในกรณีที่ชุดผู้สังเกตการณ์ปฏิบัติภารกิจโดยลำพัง การเปลี่ยนแปลงสถานะจะต้องได้รับอนุมัติทุกครั้ง

(๒) ที่ตรวจการณ์ปฏิบัติตลอด ๒๔ ชั่วโมง จะเปิดเผยตัวให้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นที่ตรวจการณ์แบบถาวร ยกเว้นในกรณีที่ที่ตรวจการนั้นตั้งอยู่ห่างจากหน่วยทหาร ก็ควรมีเวลาปิดทำการเพื่อการป้องกันตนและการสนับสนุนอื่น ๆ ที่ตรวจการณ์จะมีเครื่องมือสื่อสารทั้งวิทยุ และสายโทรศัพท์วางไว้ถาวร ที่ตรวจการณ์จะต้องมีการประดับธงสัญลักษณ์หน่วย และทาสีเป็นรูปเครื่องหมายไว้ที่กำแพงและบนหลังคา ที่ตรวจการณ์ถาวรจะถูกละทิ้งไปเฉพาะในกรณีที่ได้รับอนุมัติจากผู้บัญชาการกองกำลัง หรือในกรณีที่ผู้บังคับกองพันในเขตพื้นที่รับผิดชอบพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ตรวจการณ์อาจมีอันตรายถึงชีวิต

(๓) ที่ตรวจการณ์จะถูกจัดตั้งเป็นการชั่วคราว เมื่อผู้ตรวจการณ์อาจจำเป็นต้องถูก ส่งออกไปปฏิบัติงานด้วยความปกปิดในเวลากลางวัน หรือกลางคืน เพื่อภารกิจพิเศษบางอย่าง ที่ตรวจการณ์นี้ควรจะมีการวางสายโทรศัพท์ไว้ และจะมีการนำวิทยุและโทรศัพท์ไปติดตั้งเฉพาะในเวลาที่ผู้ตรวจการณ์เข้าไปประจำเท่านั้น ที่ตรวจการณ์ชั่วคราวจะมีสัญลักษณ์และเครื่องหมายเช่น เดียวกันกับที่ตรวจการณ์ถาวร และควรจะมีการคุ้มครองป้องกันจากกำลังเตรียมพร้อมในฐานที่มั่น



(๔) ที่ตรวจการณ์ถาวร และชั่วคราวจะถูกยกเลิกการใช้งานก็ต่อเมื่อไม่มีประโยชน์ต่อการสนองตอบความต้องการและวัตถุประสงค์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือสภาพไว้เพื่อการแสดงตนของกองกำลังรักษาสันติภาพ หรือในกรณีที่อาจมีความจำเป็นต้องใช้งานอีกในอนาคต สายโทรศัพท์จะถูกรื้อถอนออกไป ดังนั้นหากมีการส่งชุดผู้ตรวจการณ์เข้าไปประจำอีก ก็จะมีเพียงการใช้วิทยุติดต่อสื่อสารเท่านั้น ที่ตรวจการณ์จะมีสัญลักษณ์ของหน่วย และมีการใช้ธงของกองกำลังแสดงตน

(๕) ที่ตรวจการณ์ทุกแห่ง (ทั้งแบบถาวร, ชั่วคราว หรือไม่ได้มีการใช้งาน) จะได้รับการกำหนดหมายเลข หรือชื่อกำกับไว้ หากมีการละทิ้งที่ตรวจการณ์, หมายเลข และชื่อนั้นก็จะถูกยกเลิกการใช้ เพื่อหลีกเลี่ยง และป้องกันการสับสน ถ้าหากที่ตรวจการณ์ได้ถูกกำหนดหมายเลขแล้ว, หมายเลขนั้นจะแสดงให้ทราบถึง ประเภท, พื้นที่หรือเขต และลำดับการจัดตั้ง ชื่อของชุดตรวจการณ์และภารกิจของที่ตรวจการณ์จะถูกตั้งเพื่อให้เด่นชัด และฝ่ายต่อการจดจำจากชุดตรวจการณ์ที่ประจำอยู่ใกล้เคียงกันนั้น

ช. ต่อไปนี้คือ ตัวอย่างของหน้าที่ของตรวจการณ์.-

(๑) ในกองกำลังรักษาสันติภาพ มักจะกำหนดให้หน่วยระดับหมู่ปฏิบัติหน้าที่ในที่ ตรวจการณ์ ซึ่งทำให้มีกำลังพลพอเพียงสำหรับปฏิบัติหน้าที่, พักผ่อน, ผ่อนคลาย และเข้าเวรยามป้องกันตน

(๒) ที่ตรวจการณ์ทำการตรวจการณ์, แยกแยะ และรายงาน

(ก) ความเคลื่อนไหวของกำลังทหารทั้งสองฝ่าย ซึ่งควรประกอบด้วยการพิสูจน์ทราบหน่วยและข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งบอกเหตุของความผิดปกติ, หัวหน้าชุดตรวจการณ์จะบันทึกวันเวลาที่ตรวจการณ์พบ และรายงานโดยใช้การ รปภ. ทางการสื่อสาร – ยานพาหนะ หรือเฮลิคอปเตอร์

(ข) การยิง, การปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม หรือการคุกคามต่อกองกำลังรักษาสันติภาพ หรือพลเรือน

(ค) การดัดแปลงที่มั่นตั้งรับของกำลังทหารทั้งสองฝ่าย

(ง) การบินผ่านของอากาศยานทางทหาร หรือพลเรือน เมื่อมีการจำกัด หรือห้ามบินผ่านในพื้นที่เขตกันชน หรือพื้นที่แยกออกจากกัน

(จ) เหตุรุนแรงของการตกลงกันเรื่องการใช้อาวุธจนกว่าเหตุนั้นจะยุติหรือเบาบางลง

(ฉ) เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ในบันทึกของที่ตรวจการณ์ และกองบังคับการที่ควบคุมบันทึกเหตุการณ์ จะบ่งบอกถึงการประท้วงและการรายงาน

ซ. เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่การเฝ้าดูในที่ตรวจการณ์ กำลังพลทุกนายจะต้อง.-

(๑) ได้รับฟังการบรรยายสรุปชี้แจงจากทหารในที่ตรวจการณ์ ชุดก่อนถึงเหตุการณ์และความเคลื่อนไหว

(๒) ได้อ่านบันทึกประจำที่ตรวจการณ์

(๓)ได้ตรวจตราสิ่งอุปกรณ์ทุกรายการในที่ตรวจการณ์ว่ามีครบและอยู่ในสภาพใช้งาน

(๔) ได้มีการทดสอบการติดต่อสื่อสารทางวิทยุ และตรวจสอบสายโทรศัพท์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่

(๕) ได้มีการตรวจนับกระสุนอย่างถี่ถ้วน ชุดตรวจการณ์ใหม่จะต้องตรวจกระสุนทุกนัด เพื่อความไม่ประมาท กรณีเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้การยิงป้องกันตน

ด.กองบัญชาการกองกำลังจะจัดทำแนวทางปฏิบัติและคำแนะนำให้กับชุดตรวจการณ์ทุกชุดที่ถูกส่งออกไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจ หรือสอบสวนเหตุการณ์ หรือกรณีที่ต้องย้ายที่ตรวจการณ์ไปยังแห่งใหม่ เพื่อให้ตรวจการณ์ได้ดีขึ้น นโยบายการส่งเอกสารและการควบคุมหน่วยลาดตระเวนของผู้ร่วมปฏิบัติการ จะถูกส่งจากที่ตรวจการณ์ เพื่อทำการสอบสวนกรณีเกิดเหตุ จะถูกรวมอยู่ใน รปจ. ของกองกำลังด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการกองกำลังอาจตัดสินใจให้ชุดตรวจการณ์ยังคงประจำอยู่ในที่ตรวจการณ์นั้น

๔ - ๑๒ การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ

การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพส่วนใหญ่ หากได้มีการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบและการเตรียมการปฏิบัติเป็นอย่างดีแล้ว การลาดตระเวนเฝ้าตรวจจะก่อให้เกิดความได้เปรียบและประโยชน์ในทางยุทธวิธีเป็นอย่างยิ่งสำหรับหน่วยทหารรักษาสันติภาพ การที่จะลาดตระเวนเฝ้าตรวจให้มีประสิทธิผลนั้น หน่วยลาดตระเวนจำเป็นต้องมีเสรีในการเคลื่อนที่และตรวจการณ์ได้อย่างมีอิสระ การจำกัดการลาดตระเวนจะต้องถูกยกเลิกหรือประกาศให้ชัดเจนเมื่อมีการตกลงใช้กองกำลังรักษาสันติภาพ หน่วยลาดตระเวน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเดินเท้า, หน่วยยานยนต์, หน่วยลาดตระเวนทางอากาศ หรือทางเรือ จะมีกิจที่ผสมผสานกัน ๔ ประการคือ รวบรวมข้อมูลข่าวสาร, ตรวจสอบ, กำกับดูแล และแสดงตนให้ปรากฏ

ก. การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ อาจถูกจำกัดให้ปฏิบัติได้เฉพาะเวลากลางวันในพื้นที่ซึ่งการเผชิญหน้าด้วยอาวุธอาจเกิดขึ้นได้ในเวลาที่มีทัศนวิสัยจำกัด ทำให้การพิสูจน์ฝ่ายกระทำได้ยาก, กำลังพลทหารของคู่กรณีอาจเกิดความหวาดระแวง และมักจะทำการยิงโดยปราศจากการลังเล แม้กระนั้นก็ตาม ในอำนาจหน้าที่ของการรักษาสันติภาพอาจจำเป็นที่ผู้บังคับบัญชาต้องใช้การลาดตระเวนในสภาพการณ์ดังกล่าวนี้ ระเบียบขั้นตอนการปฏิบัติ และกฎทางภาคพื้นดิน ซึ่งหน่วยลาดตระเวนใช้ปฏิบัติการนั้น จะต้องมีความกระจ่างชัดและเป็นที่ทราบกันอย่างแพร่หลายทั่วไป รวมทั้งกำลังของฝ่ายคู่กรณีที่เผชิญหน้ากันด้วย

ข. หน่วยลาดตระเวนเฝ้าตรวจได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อหาข่าวสารเพิ่มเติมจากชุดผู้ตรวจการณ์ในที่ตรวจการณ์ บริเวณพื้นที่เขตกันชน หรือพื้นที่แยกกำลังออกจากกัน ในพื้นที่ปฏิบัติการที่มีขนาดกว้างใหญ่ อาจจำเป็นต้องใช้การลาดตระเวนเป็น รปจ. เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดข้อตกลงและความรุนแรงในการเผชิญหน้าได้ทุเลาเบาบางลง หน่วยลาดตระเวนที่ร่วมกันกำกับดูแลการปฏิบัติของคู่กรณี จะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างไม่บิดพริ้ว

ค. หน่วยลาดตระเวนจะถูกส่งออกไป เพื่อเฝ้าตรวจในระยะใกล้ ต่อกิจกรรมที่ชุดตรวจการณ์ได้สังเกตพบและรายงานเหตุการณ์เข้ามา ซึ่งได้แก่ การละเมิดข้อตกลงในสัญญาเรื่องการใช้กำลังทหารหรืออาวุธ

ง. หน่วยลาดตระเวนที่ได้รับมอบภารกิจให้ทำการลาดตระเวนเพื่อแยกกำลังทหารของคู่กรณีออกจากกันในพื้นที่เผชิญหน้านั้น เรียกว่า หน่วยลาดตระเวนกั้นกลาง หรือบางครั้งอาจเรียกชื่อว่า หน่วยลาดตระเวนประจำ หน่วยในลักษณะดังกล่าวนี้จะหยุดปฏิบัติการเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

จ. หน่วยลาดตระเวนคุ้มกัน จะช่วยคุ้มครองป้องกันชาวนาชาวไร่และเกษตรกร ตลอดจนผู้ประกอบอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องออกมาทำมาหาเลี้ยงชีพ โดยใช้การสัญจรตามเส้นทางที่ต้องผ่าน หรือใกล้กับกำลังทหารของฝ่ายคู่กรณี

ฉ. การปรากฏตัวของหน่วยลาดตระเวนจากกองกำลังรักษาสันติภาพเป็นครั้งคราวโดยไม่อาจคาดได้ว่าหน่วยลาดตระเวนจะออกปฏิบัติการที่ใดเวลาใด หรืออาจพบกับหน่วยลาดตระเวนในเวลาใดก็ได้ จะทำให้ฝ่ายที่คิดละเมิดข้อตกลงในสัญญาเรื่องการใช้กำลังทหาร หรืออาวุธ ไม่อาจดำเนินการได้โดยเสรี การปรากฏตัวของหน่วยลาดตระเวนจากกองกำลังรักษาสันติภาพในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จะช่วยลดภาวะวิกฤติและช่วยให้เกิดดวามเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยสันติวิธี ในพื้นที่ที่กำลังเกิดปัญหา

ช. ชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจของกองกำลังรักษาสันติภาพ ควรจะมีเสรีในการเคลื่อนที่อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ชุดลาดตระเวนอาจต้องประสบกับข้อจำกัดในการเคลื่อนที่ในบางโอกาส โดยที่จะมีการระบุไว้ในข้อตกลงสถานภาพของกองกำลัง และจำเป็นต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ข้อตกลงดังกล่าวได้จัดทำขึ้นโดยตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้รับการปฏิบัติภารกิจเป็นสำคัญ

ซ. ชุดลาดตระเวนหรือหน่วยลาดตระเวน อาจปฏิบัติการด้วยการเดินเท้า, การใช้ยานพาหนะ หรือใช้การลาดตระเวนด้วยอากาศยานขนาดเล็ก หรือเฮลิคอปเตอร์ การลาดตระเวนจะต้องปฏิบัติอย่างเปิดเผย และควรจะปฏิบัติในเวลากลางวัน หน่วยจะต้องมีลักษณะเด่นที่สามารถจดจำหรือพิสูจน์ฝ่ายได้ง่าย กำลังพลในหน่วยลาดตระเวนจะต้องสวมใส่ส่วนประกอบของเครื่องแต่งกายที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นกำลังพลของหน่วยทหารรักษาสันติภาพ ยานพาหนะจะต้องถูกทา หรือพ่นสีของกองกำลัง และแสดงเครื่องหมายหน่วยให้เห็นเด่นชัด หน่วยเดินเท้าจะต้องนำธงของหน่วยรักษาสันติภาพไปด้วย และสำหรับหน่วยบรรทุกยานยนต์จะต้องติดธงดังกล่าวไว้บนยานพาหนะให้เห็นได้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นกำลังพลของหน่วยทหารรักษาสันติภาพ ยานพาหนะจะต้องถูกทา หรือพ่นสีของกองกำลัง และแสดงเครื่องหมายหน่วยให้เห็นเด่นชัด หน่วยเดินเท้าจะต้องนำธงของหน่วยรักษาสันติภาพไปด้วย และสำหรับหน่วยบรรทุกยานยนต์จะต้องติดธงดังกล่าวไว้บนยานพาหนะให้เห็นได้ชัดเช่นกัน หากจำเป็นต้องออกปฏิบัติการในเวลากลางคืน, หน่วยจะต้องใช้แสงสว่างแสดงตน, นำธงของหน่วยรักษาสันติภาพที่มีแสงสว่างส่องชัดเจนไปด้วย และต้องเคลื่อนที่อย่างเปิดเผย การไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย นำไปสู่การเข้าใจผิด และเสี่ยงหรือล่อแหลมต่อการถูกยิง

ด. หน้าที่ความรับผิดชอบในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ มีดังนี้.-

(๑) ตรวจสอบวิธีการแสดงตนของคู่กรณีตามที่ได้ตกลงกันไว้ รวมทั้งการแสดงตน หรือพิสูจน์ฝ่ายของตำรวจที่ร่วมปฏิบัติงานกับกองกำลังรักษาสันติภาพ ประกันความมั่นใจว่ากำลังพลในชุดหรือหน่วยลาดตระเวนได้นำเอกสารแสดงตนของบุคคลและหน่วยติดไปด้วย

(๒) ตรวจสอบข้อจำกัดที่ปรากฏในข้อตกลงสถานภาพของกองกำลัง หรือการเจรจาตกลงอื่น ๆ

(๓) แจ้งเตือนไปยังหน่วยทหารข้างเคียงในกองกำลังรักษาสันติภาพ และที่ตรวจการณ์ต่าง ๆ ให้ได้รับทราบถึงแผนการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ตรวจสอบความจำเป็นและความต้องการที่จะต้องแจ้งเตือนไปยังหน่วยต่าง ๆ ตามข้อตกลง

(๔) ทำเครื่องหมายบนแผนที่ทั้งหมดที่นำไปด้วยในระหว่างการลาดตระเวน จดจำสถานที่และตำบลต่าง ๆ รวมทั้งการนำกำลังพลของชุดลาดตระเวนที่มีความรู้จักคุ้นเคยพื้นที่เป็นอย่างดีไปด้วย

(๕) ประกันให้แน่ใจว่ามีความเข้าใจในคำสั่งอย่างถ่องแท้ โดยคำนึงถึงระเบียบขั้นตอนการปฏิบัติต่อผู้ที่ล่วงละเมิดเข้ามาในพื้นที่เขตกันชน

(๖) บันทึกการตรวจการณ์ทั้งหมด รวมทั้งเหตุการณ์ด้วย จดจำรายละเอียดเพื่อร่างภาพแผนที่ แต่อย่าทำแผนที่การลาดตระเวนในกรณีที่อาจเกิดการหยุดด้วยสาเหตุจากคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

(๗) ดำรงการติดต่อสื่อสารทางวิทยุกับฐานลาดตระเวนและรายงานความก้าวหน้า

(๘) บันทึกเหตุรุนแรงจากข้อตกลง, การเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้กำลัง หรือการปฏิบัติ และท่าทีของพลเรือนที่แปรเปลี่ยน

(๙) อย่าเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเคลื่อนที่ในแผน โดยไม่ได้รับอนุมัติจากหน่วยเหนือ

(๑๐) ประกันความมั่นใจว่าจะสามารถปฏิบัติการตอบโต้การท้าทาย ทำให้หน่วยลาดตระเวนต้องหยุดทำการพิสูจน์ฝ่าย และรายงานเหตุการณ์ผ่านทางวิทยุ

(๑๑) อย่ายอมมอบอาวุธ, มอบแผนที่,บันทึกหรือวิทยุโดยไม่ได้รับอนุมัติจากหน่วยเหนือ

(๑๒) จงตื่นตัว แต่หลีกเลี่ยงการแสดงออกถึงความก้าวร้าว หากกำลังทหารหรือประชาชนพลเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโบกมือให้, จงโบกมือตอบ หรือแสดงการตอบรับ

(๑๓) ยึดมั่นในความไม่ลำเอียง

(๑๔) รายงานทันที หรือยืนยันเหตุการณ์สำคัญ ที่ตรวจพบไปยังนายทหารผู้รับผิดชอบการลาดตระเวน

(๑๕) ทำเครื่องหมายบนแผนที่ หรือร่างภาพภูมิประเทศโดยเร็วทันทีที่กลับจากการลาดตระเวน การทำเครื่องหมายบนแผนที่และการบันทึก จะช่วยให้ได้ข้อมูลสำหรับการสืบสวนเหตุการณ์ต่าง ๆ และหลักฐานสำหรับการยื่นประท้วง

ต. กำลังพลของกองกำลังรักษาสันติภาพ จะปฏิบัติภารกิจทางยุทธการ โดยถืออาวุธในกรณีต่อไปนี้.-

(๑) เมื่อเข้าประจำ ณ จุดตรวจการณ์, ที่ตรวจการณ์, จุดตรวจ, สำนักงานนายทหารติดต่อ, ที่มั่นตั้งรับ และปฏิบัติร่วมเป็นชุดลาดตระเวนประจำห้วงเวลา

(๒) เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของชุดลาดตระเวน, ด้วยยานพาหนะหรือการเดินเท้า

(๓) ในระหว่างภารกิจหน้าที่การคุ้มกัน

(๔) เมื่อปฏิบัติหน้าที่ยามประจำรถ หรือคุ้มกันขบวนยานยนต์

(๕) เมื่อได้รับมอบหน้าที่ให้รับผิดชอบ ป้องกันทรัพย์สินของกองกำลังรักษาสันติภาพ, สิ่งอุปกรณ์, เงิน หรือเอกสาร

(๖) ในระหว่างการตรวจและการเข้าเยี่ยมหน่วยทหารของฝ่ายคู่กรณี

ถ. กองกำลังรักษาสันติภาพมักจะไม่ถืออาวุธในภารกิจทางธุรการตามปกติดังต่อไปนี้.-

(๑) เมื่อปฏิบัติหน้าที่ทางธุรการ เช่น นายทหารฝ่ายอำนวยการ และเสมียน

(๒) เมื่อมีกำลังตำรวจจัดมาขึ้นสมทบกับกองกำลังรักษาสันติภาพ

(๓) เมื่อกำลังทหารของหน่วยรักษาสันติภาพอยู่นอกพื้นที่เขตกันชน, เขตแยกกำลังทหารออกจากกัน หรือพื้นที่ปฏิบัติการ

(๔) เมื่อไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่

ท. กองกำลังรักษาสันติภาพแต่ละหน่วยจะจัดกระสุนไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อแบ่งมอบให้ทหารติดตัวไว้ และอยู่บนยานพาหนะ และเก็บรักษาไว้ ณ ที่ตรวจการณ์ รวมทั้งในที่มั่น นอกจากนี้ยังต้องเก็บรักษากระสุนไว้อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่น่าจะเกิดขึ้น

๔ - ๑๓ การควบคุมการจราจร

ที่จุดตรวจ ณ เส้นทางที่จะเข้าสู่พื้นที่เขตกันชน ทหารในกองกำลังรักษาสันติภาพจะปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์พลเรือนที่ผ่านเข้า-ออก เพื่อตรวจจับการลักลอบนำอาวุธ, กระสุน และวัตถุระเบิดเข้าพื้นที่ตามปกติแล้ว ยานพาหนะของพลเรือนจะหยุด และถูกตรวจค้นเฉพาะในกรณีที่มีคำสั่งจากผู้บัญชาการกองกำลังเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงระเบียบกฎเกณฑ์เมื่อมีการสับเปลี่ยนหน้าที่กันระหว่างกองกำลังของแต่ละชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จะดำเนินการตรวจค้นเฉพาะกรณี ผู้บุกรุก หรือผู้ฝ่าฝืนกฎเท่านั้น

ก. ในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพบางครั้ง ทหารจะไม่ได้รับอนุมัติให้ยึดอาวุธ และกระสุนที่ตรวจค้นได้ เพียงแต่สั่งให้ผู้ถือหรือผู้นำพากลับไปเท่านั้น

ข. ในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพบางครั้ง ยานพาหนะของหน่วยทหารรักษาสันติภาพและตัวทหารจะถูกตรวจค้นก่อนผ่านเข้า-ออกพื้นที่เขตกันชน ซึ่งการปฏิบัติลักษณะนี้จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศเจ้าบ้านว่า แม้แต่ทหารของกองกำลังรักษาสันติภาพก็ยังต้องถูกตรวจค้นเพื่อความบริสุทธิ์ และการปฏิบัติตามกฎ โดยไม่มีการละเว้น

๔ - ๑๔ การเฝ้าตรวจและการกำกับดูแล

การเฝ้าตรวจและการกำกับดูแล เป็นเทคนิคพิเศษในการปฏิบัติทางยุทธการ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าฝ่ายคู่กรณีทุกฝ่ายจะยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อตกลง การเฝ้าตรวจเป็นวิธีการตรวจการณ์แบบหนึ่ง และมักนำมาใช้ในภารกิจของผู้สังเกตการณ์ การกำกับดูแลเป็นการปฏิบัติการตรวจการณ์ลักษณะหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบการยินยอมของคู่กรณีที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง การเฝ้าตรวจและการกำกับดูแลนั้น จำเป็นต้องใช้ความอดกลั้น, การผ่อนหนักผ่อนเบา และความอดทน

ก. ภารกิจของผู้สังเกตการณ์จะมุ่งเน้นต่อการเฝ้าสังเกตในเรื่องดังต่อไปนี้.-

(๑) การหยุดยิง และข้อตกลงเรื่องกำลังทหาร

(๒) การจัดตั้งและการกำกับดูแลในพื้นที่เขตกันชนและเขตปลอดทหาร

(๓) การกำกับดูแลการควบคุมอาวุธ และข้อตกลงที่มิได้อยู่ในความรับผิดชอบของชุดผู้สังเกตการณ์

(๔) ข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายและใช้กำลังทหาร

(๕) การถอนกำลังทหาร และการแยกกำลังที่ปะทะออกจากกัน และการเคลื่อนย้ายกำลังกลับประเทศของตน

(๖) การแทรกซึมผ่านเขตแดนและการลักลอบนำอาวุธผ่านเขตแดน

(๗) การแลกเปลี่ยนเชลยศึก

(๘) ข้อตกลงในเรื่องเสรีในการเคลื่อนที่และเดินทางเข้าไปทำงานของชาวไร่ชาวนาในพื้นที่เขตหวงห้าม

(๙) ค่ายผู้อพยพลี้ภัย

(๑๐) การทำประชามติและการเลือกตั้ง

ข. สิ่งต่อไปนี้จะเป็นเครื่องช่วยในการเฝ้าตรวจ.-

(๑) ในระหว่างเวลากลางวัน, ควรสังเกตการณ์ให้ตลอดทั่วทั้งเขตหรือพื้นที่

(๒) ในเวลากลางคืน ควรจะได้มีการสำรวจพื้นที่ให้ไกลที่สุด เท่าที่จะทำได้ด้วยเครื่องมือตรวจการณ์ในเวลากลางคืน และเรดาร์ พื้นที่ที่มีความล่อแหลมอาจใช้การเฝ้าตรวจด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องตรวจจับเสียงสัญญาณ

(๓) เมื่อมีการตรวจพบการปรากฏของผู้บุกรุก ให้ใช้ไฟฉายส่องสว่างไปเพื่อความมั่นใจ และเป็นการเตือนผู้บุกรุกว่าได้ถูกตรวจพบแล้ว การปฏิบัติลักษณะนี้มีผลทางด้านการป้องปราม การใช้ลำแสงของไฟฉายส่องสว่าง ไม่ควรใช้ส่องข้ามพื้นที่เขตกันชน เพื่อทำให้เกิดความสว่างในเขตห้ามยิงหรือหยุดยิง ไฟฉายส่องสว่างที่เป็นลำแสงกระจายรัศมีประมาณ ๑๐๐ เมตร เป็นขนาดที่เหมาะสำหรับการใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงการเสี่ยงที่จะละเมิดข้อตกลงใกล้บริเวณขอบเขตของพื้นที่กันชน

๔ - ๑๕ การแสดงการป้องปราม

การชุมนุมทางการเมือง อาจเกิดขึ้นใกล้ ๆ กับจุดตรวจของหน่วยทหารรักษาสันติภาพ กำลังตำรวจของประเทศเจ้าบ้านจะรับผิดชอบในการควบคุมการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองนี้ ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ และกองบัญชาการกองกำลัง จะเฝ้าฟังและเตรียมการใช้แผนเผชิญเหตุในกรณีที่ตำรวจไม่สามารถป้องกัน และขัดขวางการเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในเขตกันชนของกลุ่มผู้ชุมนุม และหากตำรวจไม่สามารถปฏิบัติการต่อไปได้, กำลังทหารรักษาสันติภาพอาจได้รับคำสั่งให้เข้าสลายฝูงชน และจะใช้กำลังแต่เพียงส่วนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ก. อย่างไรก็ตาม อาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารจำนวนมาก โดยไม่มีการติดอาวุธ แต่มีการสนับสนุนจากหน่วยทหารติดอาวุธ หรืออาจมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังจะเป็นผู้ตัดสินใจ

ข. การชุมนุมส่วนมากจะมีการจัดการบริหารอำนายการเป็นอย่างดี จึงจำเป็นที่จะต้องแบ่งมอบเวลาอย่างพอเพียงให้กับหน่วยทหารที่เป็นกองหนุนที่จะเข้าปฏิบัติการ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายหน่วยมาเข้าที่รวมพลใกล้ ๆ บริเวณนั้น

ค. ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ จะจัดวางแนวหยุดฝูงชน โดยใช้ลวดหนามและเครื่องกีดขวาง ซึ่งกรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อกำลังตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

๔ - ๑๖ การเจรจาและการประนีประนอม

การเจรจาและการประนีประนอม เป็นการปฏิบัติงานทางด้านการทูต ซึ่งต้องใช้นโยบายของรัฐบาลและประสบการณ์ทางด้านการทูตซึ่งต้องการผลทางด้านการเมืองมากกว่าทางด้านการทหารแต่ในภารกิจการรักษาสั้นติภาพมักจะปรากฏเสมอว่าสถานการณ์ในขณะนั้นจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางทหารทำการเจรจา,ประนีประนอมและบางทีอาจต้องตัดสินข้อพิพาท ทั้งนี้อาจหมายรวมถึง จุดย่อย ๆ ซึ่งประกอบกันเป็นข้อขัดแย้งระหว่างคู่กรณี สิ่งเหล่านี้เป็นงานประจำของกองกำลังรักษาสันติภาพ ความสำเร็จในภารกิจนี้ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ, การใช้เหตุผลที่มีน้ำหนัก, การจูงใจ, สามัญสำนึก, การผ่อนสั้นผ่อนยาวและความอดทน ซึ่งทั้งหมดนี้ การผ่อนสั้นผ่อนยาวและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดบทบาทใหม่ของผู้รักษาสันติภาพอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือการหักล้าง

ก. เมื่อผู้รักษาสันติภาพได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากคู่กรณีและผู้ร่วมปฏิบัติงานแล้ว ก็สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ของผู้ประนีประนอมได้ การปฏิบัติงานที่ดีของผู้รักษาสันติภาพ ย่อมนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิผล

ข. ผู้รักษาสันติภาพสามารถป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้ลุกลามใหญ่โตได้ ดังนั้น งานในลักษณะนี้จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้

ค. บุคลากรในกองกำลังรักษาสันติภาพ ย่อมต้องระมัดระวัง และตระหนักในข้อจำกัด และขอบเขตของตน จะต้องไม่ลังเลใจที่จะรายงานเหตุการณ์และแจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปยังกองบัญชาการรักษาสันติภาพ เมื่อปัญหานั้นเกินขีดความสามารถของตนเองที่จะแก้ไขได้

ง. ความเชื่อถือในผู้รักษาสันติภาพ ซึ่งเป็นบุคลากรที่เคร่งครัดในหน้าที่ และมีมนุษย-สัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ร่วมงาน และผู้ร่วมเหตุการณ์ในกรณีพิพาททั้งหมด จะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในฐานะของผู้เจรจาประนีประนอม

๔ - ๑๗ การส่งมอบเชลยศึก

การส่งมอบหรือแลกเปลี่ยนเชลยศึก จะต้องมีการประสานการปฏิบัติ และประสานงานกันอย่างละเอียดรอบคอบ และมีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อป้องกันการสับสนและความล่าช้า กองกำลังรักษาสันติภาพจะต้องหลีกเลี่ยงการรับดูแลเชลยศึกจำนวนเป็นร้อยคน ทั้งในด้านที่พักอาศัยและการเลี้ยงดูข้ามวัน ทั้งนี้กองกำลังจะเลือกพื้นที่ตอนที่แคบที่สุดของเขตกันชนเป็นเส้นทางให้เชลยศึกเดินทางผ่านด้วยการเดินเท้า กองกำลังรักษาสันติภาพควรจะ.-

ก. ประสานในรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ เพื่อทราบถึงจำนวนของเชลยศึก และต้องรู้ด้วยว่ามีเชลยศึกที่ป่วยหรือบาดเจ็บ ซึ่งต้องการรถพยาบาลสำหรับเคลื่อนย้ายจำนวนเท่าใด

ข. รายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความต้องการ กำลังทหารคุ้มกัน, รถพยาบาล และยานพาหนะที่จำเป็น

ค. ประกันให้มั่นใจว่า ฝ่ายคู่กรณีที่จะเป็นผู้รับเชลยศึก จะต้องจัดตำบลหรือแหล่งรวมรถไว้นอกพื้นที่เขตกันชน โดยให้อยู่ใกล้ ๆ กับจุดตรวจที่ตกลงกันไว้ ชุดตรวจรับเชลยศึกจะได้รับมอบอำนาจให้สามารถเข้าไปในพื้นที่เขตกันชนได้ จนถึงจุดรับมอบเชลยศึก

ง. จัดการระวังป้องกันพื้นที่ด้วยทหารรักษาสันติภาพ ที่ถืออาวุธในระยะที่ปลอดภัย

จ. ปิดกั้นจุดตรวจและถนน ไม่ให้ผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องนำยานพาหนะผ่าน หรือเคลื่อนที่ผ่านเข้าไป

ฉ. ร่วมไปกับผู้เจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อพบกับเชลยศึก ณ จุดรับตัวเชลยศึก และจัดแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ ละสิบคน แยกพวกที่จำเป็นต้องใช้รถพยาบาล หรือต้องใช้ยานพาหนะขนส่งไว้ต่างหาก รับบัญชีรายชื่อเชลยศึกและลงชื่อกำกับไว้

ช. เดินคุมขบวนเดินของเชลยศึกพวกละสิบคน โดยใช้ทหารรักษาสันติภาพไม่ถืออาวุธ ข้ามผ่านพื้นที่เขตกันชนมายังชุดรับเชลยศึก ณ จุดรับตัวเชลยศึกตามที่ตกลงกันไว้ ชุดคุมขบวนที่ไม่ถืออาวุธร่วมมากับรถพยาบาล และรถบรรทุกเชลยศึกที่ไม่สามารถเดินได้

ซ. ส่งมอบเชลยศึกให้กับชุดรับเชลยศึกต่อหน้าผู้เจรจาไกล่เกลี่ย พร้อมกับสำเนาบัญชีรายชื่อและตรวจรับพร้อมลงชื่อกำกับ

๔ - ๑๘ การรับศพ

การค้นหาศพผู้เสียชีวิต มักจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจการแยกคู่กรณีออกจากการปะทะ ทหารควรจะชมเชยธรรมชาติของการปฏิบัติอย่างระมัดระวัง และให้เกียรติแสดงการเคารพตามพิธีกรรมและประเพณีทางศาสนา การค้นหาศพผู้เสียชีวิต จำเป็นต้องใช้การวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ และการร่วมมือจากคู่กรณีทุก ๆ ฝ่าย การส่งมอบศพ ควรกระทำโดยทันทีและมีประสิทธิภาพ หากจะต้องส่งมอบเชลยศึกในคราวเดียวกัน หรือเวลาใกล้เคียงต่อเนื่องกัน ก็ควรจะพิจารณาส่งมอบศพผู้เสียชีวิตกลับก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการปฏิบัติลักษณะนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงภาพที่แสดงความรู้สึกและ อารมณ์ ตลอดจนหลีกเลี่ยงการยั่วยุความโกรธแค้น กองกำลังรักษาสันติภาพจะต้องทำให้แน่ใจว่า.-

ก. ชุดรับศพมียานพาหนะพอเพียงและเหมาะสม

ข. จุดตรวจ ณ พื้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของเขตกันชน ซึ่งจะใช้เป็นจุดส่งมอบศพนั้น จะไม่มียานพาหนะพลุกพล่าน และปราศจากผู้ที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปวุ่นวาย

ค. มีการจัดเตรียมชุดผู้รับศพพร้อมผ้าคลุมและเจ้าหน้าที่แบกหาม

ง. ยานพาหนะที่ไปรับศพไปพร้อมที่จุดตรวจพร้อมกับผู้เจรจาไกล่เกลี่ย

จ. เมื่อผู้เจรจาไกล่เกลี่ยได้ลงนามรับศพผู้เสียชีวิต และกรอกรายละเอียดอื่น ๆ ลงในเอกสารได้สมบูรณ์แล้ว ชุดเจ้าหน้าที่แบกศพก็จะนำศพเข้ามายังยานพาหนะของกองกำลัง

ฉ. ยานพาหนะของกองกำลังพร้อมกับคณะนายทหารฝ่ายอำนวยการกำกับดูแลและ ผู้เจรจานำขบวนข้ามพื้นที่เขตกันชน และผ่านจุดตรวจกลับมายังยานพาหนะของชุดรับศพที่รออยู่

ช.ชุดเจ้าหน้าที่แบกศพส่งศพขึ้นยานพาหนะของชุดรับศพและผู้เจรจาไกล่เกลี่ยรับหลักฐาน

ซ. การเคลื่อนย้ายศพจะต้องถูกบันทึกลงในสมุดบันทึก ณ ทุกจุดตรวจ และมีลายมือชื่อนายทหารฝ่ายอำนวยการกำกับดูแล และผู้เจรจากำกับไว้ในบันทึกนั้น

๔ - ๑๙ การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ท่าทีของรัฐบาลประเทศเจ้าบ้านที่มีต่อกองกำลังรักษาสันติภาพ มีหลายลักษณะ ทั้งที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ให้ความร่วมมือเต็มที่ จนถึงขั้นที่ห้ามกองกำลังรักษาสันติภาพให้ความช่วยเหลือประชาชนของตน อย่างไรก็ตาม กำลังทหารที่อยู่ภายในพื้นที่เขตกันชน พึงมีหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตรับผิดชอบคณะกรรมการอำนวยการพิเศษช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อาจถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบพื้นที่ในเขตของตน ทั้งนี้อาจมีหน้าที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติมดังนี้.-

• การสืบสวนหาบุคคลผู้สูญหาย

• ให้การรักษาพยาบาลเร่งด่วน (กรณีผู้ป่วยหนักหรือผู้บาดเจ็บ)

• ให้การช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภค ในชุมชนย่อย ๆ ที่กระจายกันอยู่ในพื้นที่เขตกันชน

• เคลื่อนย้ายประชากรกลุ่มเล็ก ๆ

• การส่งกลับเชลยศึก

• การส่งกลับศพผู้เสียชีวิต

• การส่งคืนทรัพย์สิน

๔ - ๒๐ การรวบรวมข่าวสาร

กำลังทหารของฝ่ายคู่กรณี อาจมองการปฏิบัติการรวบรวมข่าวสารของกองกำลังในแง่ของการเป็นปรปักษ์ การดำเนินการด้านข่าวกรอง อาจทำลายความไว้วางใจที่ฝ่ายคู่กรณีควรจะมีต่อกองกำลังรักษาสันติภาพ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคู่กรณีอาจใช้วิธีการหลากหลาย เพื่อให้กองกำลังรักษาสันติภาพปรากฏตัวหรือแสดงตัว บางครั้งก็อาจใช้ความพยายามปล่อยข่าวลวง

ก. ในหลายสถานการณ์ กองกำลังรักษาสันติภาพอาจตกอยู่ในสภาพถูกโจมตีได้โดยตรงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่กรณี หรือจากหน่วยที่ออกปฏิบัติการเป็นอิสระ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาตึงเครียดอย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม ผู้รักษาสันติภาพย่อมต้องการข่าวสาร หากผู้รักษาสันติภาพไม่สามารถใช้แหล่งข่าวจากชาติของตนได้อย่างเต็มที่แล้ว ก็จะเป็นต้องขอรับข่าวสารจากผู้ร่วมสังเกตการณ์

ข. แต่ละองค์ประกอบของการดำเนินงานด้านข่าวกรอง จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง กำลังพลในกองกำลังรักษาสันติภาพจะต้องเป็นผู้มีจิตสำนึกในด้านการข่าวตลอดเวลา ผู้รักษาสันติภาพต้องเป็นผู้มีความตื่นตัว สนใจในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว และสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง ท่าทีการวางตัว ตลอดจนการปฏิบัติการทางทหารและพลเรือน

๔ - ๒๑ การรื้อถอนสนามทุ่นระเบิด

ภารกิจการรื้อถอนสนามทุ่นระเบิด จะกลายเป็นภารกิจเร่งด่วนของกองกำลังรักษาสันติภาพทันที ภายหลังจากที่กำลังทหารของคู่กรณีได้ถอนกำลังออกไปแล้ว ทหารช่างมีความสำคัญและจำเป็นต้องจัดให้มีไว้ในโครงสร้างของกองกำลังรักษาสันติภาพ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังรักษาสันติภาพก็ควรเข้าใจในวิธีการตรวจค้น และรื้อถอนสนามทุ่นระเบิด ตลอดจนวิธีการใช้เครื่องมือตรวจค้นทุ่นระเบิด และเครื่องมือตรวจค้นอื่น ๆ (รส.๕ – ๑๐๑)

ก. ทุ่นระเบิดดักรถถังและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจำนวนมากมาย ซึ่งถูกวางโดยกำลังทหารของคู่กรณี จะยังคงอยู่ในพื้นที่ แม้ว่ากำลังทหารของคู่กรณีจะถอนตัวออกไปภายหลังเกิดความขัดแย้ง มีน้อยครั้งมากที่ฝ่ายคู่กรณีจะทำแผนผังสนามทุ่นระเบิดด้วยการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และส่งให้กับกองกำลังรักษาสันติภาพและมีบ่อยครั้งทีเดียวที่ทุ่นระเบิดถูกวางไว้โดยมีเครื่องหมายสัญลักษณ์ไม่ชัดเจน หรือไม่มีการทำเครื่องหมายสัญลักษณ์ไว้เลย

ข. สนามทุ่นระเบิดยังคงเป็นของผู้ที่วางไว้ ในทางทฤษฎีแล้ว สนามทุ่นระเบิดนั้นจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของแผนฉากขัดขวาง ซึ่งมีผลต่อกองกำลังรักษาสันติภาพเช่นกัน กองกำลังรักษาสันติภาพจะไม่ยอมปล่อยให้แผนผังการวางสนามทุ่นระเบิด หรือที่ตั้งสนามทุ่นระเบิดของคู่กรณีฝ่ายหนึ่งตกไปอยู่กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้มีการประกันว่าสนามทุ่นระเบิดมีการทำเครื่องหมายแสดงไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม โดยทั่วไปแล้วกองกำลังรักษาสันติภาพจะไม่ได้รับอนุมัติให้รื้อถอนสนามทุ่นระเบิด มีข้อยกเว้นในกรณีที่จำเป็นต้องทำลาย หรือเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิด และกระสุนด้านที่น่าจะเป็นอันตรายตามเส้นทาง และพื้นที่ที่กองกำลังจะต้องใช้ หรือพลเรือนในท้องถิ่นจะต้องใช้

ค. สนามทุ่นระเบิดทุกแห่งจะต้องถูกบันทึก และล้อมรั้วไว้โดยใช้เครื่องหมายแสดงสนามทุ่นระเบิดแบบมาตรฐานติดแสดงไว้ทั้ง ๒ ด้านของรั้วลวดหนาม ๒ ชั้น กำลังพลของหน่วยทหารรักษาสันติภาพควรจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการแสดงเครื่องหมายบอกสนามทุ่นระเบิด ซึ่งทหารฝ่ายคู่กรณีใช้อยู่เป็นประจำ

ง. ทหารช่างเป็นผู้บันทึกสนามทุ่นระเบิดภายในกองกำลังรักษาสันติภาพโดยจะเก็บรักษาแผนที่สนามทุ่นระเบิดฉบับหลัก ซึ่งมีรายละเอียดของสนามทุ่นระเบิดทั่วทั้งพื้นที่ และในแต่ละเขต ทหารช่างจะตรวจแผนที่สนามทุ่นระเบิดนั้นตามห้วงระยะเวลาพร้อมกับบันทึกและการทำเครื่องหมายสนามทุ่นระเบิดเหล่านั้น

จ. เมื่อมีการค้นพบสนามทุ่นระเบิดแห่งใหม่ จะต้องรีบทำการแจ้งเตือนโดยทำเครื่องหมายแสดงในพื้นที่นั้นทันทีจากนั้นให้รายงานไปยังกองบังคับการและทหารช่าง พร้อมกับรายงานไปยังกองบัญชาการกองกำลัง เพื่อที่นายทหารบันทึกสนามทุ่นระเบิดของกองกำลังจะได้นำชุดบันทึกสนามทุ่นระเบิดไปทำการลาดตระเวน และทำเครื่องหมายพื้นที่

ฉ. แผนที่สนามทุ่นระเบิดฉบับปัจจุบันจะถูกแจกจ่ายไปยัง กองบัญชาการกองกำลัง, กองบังคับการหน่วย, กองบังคับการกองหนุน, หน่วยสารวัตรทหาร และตำรวจ หากปฏิบัติงานร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพ นายทหารบันทึกสนามทุ่นระเบิดจะเก็บรักษาแผนที่ฉบับปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ ส่วนนายทหารบันทึกสนามทุ่นระเบิดของหน่วยรอง จะเก็บรักษาแผนที่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตของตนเองไว้

ช. การสำรวจในดินแดนของประเทศเจ้าบ้าน ทั้งภายนอกและภายในพื้นที่ จะถูกรายงานผ่านทางกองบังคับการหน่วย ไปยังฝ่ายยุทธการของกองบัญชาการกองกำลัง วัตถุระเบิดหรือทุ่นระเบิดที่ถูกค้นพบภายนอกสนามทุ่นระเบิดที่ทำเครื่องหมายไว้ จะถูกรายงานไปยังกองบัญชาการกองกำลัง เพื่อจัดชุดทำลายวัตถุระเบิดมาดำเนินการ โดยที่ระหว่างนั้น วัตถุระเบิดหรือทุ่นระเบิดดังกล่าวจะถูกทำเครื่องหมาย และมีการแจ้งเตือนไปยังหน่วยทหารและประชาชนในท้องถิ่นนั้น

๔ - ๒๒ การสืบสวนกรณีมีการร้องเรียน

กองกำลังรักษาสันติภาพสืบสวนกรณีมีการร้องเรียนหรือกล่าวหา ขีดความสามารถในการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดรอบครอบ และการตัดสินประเมินเหตุการณ์ได้อย่างเป็นกลางและยุติธรรม เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า จะทำให้เกิดการสู้รบ หรือความตึงเครียดเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขีดความสามารถดังกล่าวจะช่วยเพิ่มภาพพจน์ในความเที่ยงธรรมของผู้รักษาสันติภาพให้ปรากฏแก่สายตาของผู้ร่วมปฏิบัติงานและคู่กรณี แน่นอนทีเดียวว่า การตัดสินซึ่งทำให้ฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ ย่อมทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้รักษาสันติภาพมีความเที่ยงธรรม ยุติธรรม เคร่งครัดหน้าที่ และคงเส้นคงวาแล้ว ผู้เสียประโยชน์อาจไม่พอใจแต่ก็ยังคงต้องเคารพยอมรับในคำตัดสินของผู้รักษาสันติภาพ และเนื่องจากเหตุการณ์กรณีหนึ่ง ๆ มากจะมีคู่กรณีตั้งแต่สองฝ่ายขึ้นไป ดังนั้น ผู้รักษาสันติภาพจึงต้องฟังการให้การจากทุกฝ่ายทั้งหมด ก่อนจะตัดสินใจ

๔ - ๒๓ เทคนิคของผู้สังเกตการณ์

ผู้รักษาสันติภาพจะต้องปลูกฝังตนเองให้มีเทคนิคทางจิตใจในอันที่จะเพิ่มความระแวดระวังและความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งในเวลาปฏิบัติงานและนอกเวลา ทั้งนี้รายงานการสังเกตการณ์ของผู้สังเกตการณ์ อาจเป็นผลทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดสถานการณ์ตึงเครียดได้ เทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้สังเกตการณ์สามารถปฏิบัติภารกิจบรรลุผลสำเร็จได้

ก. ในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำที่ใดที่หนึ่ง, ผู้รักษาสันติภาพ.-

(๑) พึงระแวดระวังต่อสิ่งผิดปกติ, โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพภายในพื้นที่ เช่น สิ่งที่เคยปรากฏเป็นประจำ แต่ปัจจุบันไม่ปรากฏหรือไปปรากฏในที่แห่งอื่น ซึ่งไม่เคยปรากฏ ผู้สังเกตการณ์จะบันทึกเหตุการณ์ และสิ่งต่าง ๆ ที่ผิดปกติไปจากเดิม

(๒) เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ในที่ตรวจการณ์, ให้เปลี่ยนตำแหน่งที่ตรวจการณ์ เพื่อให้ได้มุมตรวจการณ์ใหม่ในพื้นที่ตรวจการณ์ของตน

(๓) แบ่งพื้นที่ตรวจการณ์ของตนออกเป็นเขตย่อย ๆ และเปลี่ยนย้ายจากแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง ภายในห้วงเวลาการปฏิบัติงานนั้น ๆ

(๔) บันทึกและรับภาระต่อสิ่งเปลี่ยนแปลง หรือพฤติกรรมที่แปลกไปของประชาชน ซึ่งทำงานประจำวันอยู่ในพื้นที่

(๕) ในระหว่างการตรวจตราไปตามที่ต่าง ๆ ในขณะปฏิบัติหน้าที่, ให้จดบันทึกจำนวนสัตว์ต่าง ๆ และผู้คนซึ่งทำงานอยู่ในท้องที่, รวมทั้งจำนวนและชนิดของยานพาหนะที่ผ่านเข้าออก หรือจอดอยู่ภายในพื้นที่ตรวจการณ์ของตน ในกรณีที่เกิดการร้องเรียน หรือการกล่าวหาในเรื่องการลักพา, ข่าวสารเกี่ยวกับการลักขโมยและการลักลอบเข้ามาในพื้นที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

(๖) ร่างภาพภายในพื้นที่เพื่อให้ครอบคลุมเขตตรวจการณ์ของตน ผู้ตรวจการณ์จะ บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่เขตตรวจการณ์ ในระหว่างเวลาปฏิบัติหน้าที่, ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กน้อย ผู้ตรวจการณ์จะใช้ภาพร่างนั้นเป็นเสมือนบันทึกเหตุการณ์ประจำวัน

(๗) หากไม่สามารถร่างภาพภูมิประเทศและสถานที่ต่าง ๆ ได้ ก็ให้ใช้วิธีการบันทึกเหตุการณ์ และรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ แทน

(๘) หลีกเลี่ยงการเหม่อลอยหรือฝันกลางวัน หรือการแสดงอาการหงุดหงิดต่อปัญหาของบุคคลอื่น ๆ

ข. เมื่อเดินทางไปตามพื้นที่ปฏิบัติการ, ผู้รักษาสันติภาพจะ.-

(๑) ใช้การตรวจการณ์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

(๒) บันทึกเหตุการณ์, สถานการณ์ หรือการปฏิบัติต่าง ๆ ที่รู้สึกว่าผิดปกติไป

(๓) สอบถามบุคคลต่าง ๆ เมื่อจำเป็น และพยายามใช้กิริยาอาการอย่างเป็นมิตร และแบบนักการทูต ไม่แสดงอาการก้าวร้าว แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องใช้การระมัดระวัง และป้องกันตนด้วยการปฏิบัติของผู้สังเกตการณ์ที่ไม่ใช้อาวุธ

(๔) เปลี่ยนเส้นทางการสัญจร เพื่อให้เกิดความตื่นตัว และความใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ และเพื่อเพิ่มความกว้างให้กับพื้นที่ปฏิบัติการตรวจการณ์

(๕) สังเกตการณ์และบันทึกหมายเหตุ และความเห็นต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้กับสถานการณ์ การปฏิบัติจะเป็นไปอย่างเปิดเผย และไม่ปฏิบัติในลักษณะของสายลับหรือการสอดแนม

(๖) บันทึกข้อความการสนทนาทันทีภายหลังจากที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถเก็บรายละเอียดได้

(๗) รายงานผลการตรวจการณ์เมื่อเสร็จสิ้นการเดินทาง หรือในระหว่างการเดินทาง กลับไปยังกองบัญชาการ และสำเนาให้กับนายทหารผู้รับผิดชอบด้วย

๔ - ๒๔ การเข้าประจำ ณ จุดตรวจ

จุดตรวจเป็นสถานที่ทางทหารที่จัดตั้งขึ้นตามถนน หรือเส้นทาง เพื่อสังเกตการณ์และควบคุมการเคลื่อนที่เข้าและออกพื้นที่เขตกันชน จุดตรวจแบบถาวรจะถูกจัดตั้งขึ้นบนถนนสายหลัก จุดตรวจแบบนี้จะไม่มีการย้ายที่ตั้ง หรือปิดทำการโดยไม่ได้รับอนุมัติจากผู้บัญชาการกองกำลัง จุดตรวจชั่วคราวจะถูกจัดตั้งขึ้นตามถนนสายเล็ก ๆ ย่อย ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ (ผู้บังคับกองพัน) ทั้งนี้อาจสงวนไว้เป็นอำนาจของผู้บัญชาการกองกำลังอีกระดับหนึ่งก็ได้ (ภาพแสดงโครงร่างของจุดตรวจแบบถาวรและแบบชั่วคราวจะแสดงไว้ ในรูปที่ ๔ - ๑) จุด ตรวจจะต้องถูกแสดงไว้ด้วยเครื่องหมายและธงสัญลักษณ์ของกองกำลังรักษาสันติภาพ

ก. กิจเฉพาะ กิจเฉพาะของทหาร ได้แก่.-

(๑) การควบคุมการเคลื่อนที่ และการผ่านเข้าไปในพื้นที่เขตกันชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเกิดวิกฤติการณ์

(๒) ป้องกันการลักลอบการนำอาวุธ,ยาเสพติด และการลักลอบเข้ามาของกลุ่มต่อต้าน

(๓) การควบคุมผู้อพยพลี้ภัย

(๔) ปฏิบัติหน้าที่เสมือนที่ตรวจการณ์ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามแผนการตรวจการณ์ของกองกำลังรักษาสันติภาพ

(๕) หยุดและทำการตรวจค้นยานพาหนะตามกฎข้อบังคับ

ข. การปฏิบัติ ทหารที่ประจำ ณ จุดตรวจ จะต้องสังเกตการณ์การปฏิบัติตามวิถีชีวิตและประเพณีของท้องถิ่น เพื่อหลีกเลี่ยงการล่วงล้ำหรือล่วงเกินประชาชนในพื้นที่ (คำแนะนำและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ จะแสดงไว้ในตารางที่ ๔ - ๑)

ค. ยุทโธปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับจุดตรวจ ได้แก่.-

• ท่อใส่ทราย หรือคอนกรีต ใช้เพื่อทำให้ยานพาหนะชะลอความเร็วเมื่อผ่านเข้ามาใกล้

• เสาและฉากกั้นขวาง

• วิทยุและโทรศัพท์

• อาวุธยิงสนับสนุน (อาจเป็นปืนกลเพิ่มเติมด้วยอาวุธต่อสู้รถถัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะธรรมชาติของภัยคุกคามต่อกองกำลัง การตัดสินใจใช้อาวุธต่อสู้รถถังโดยปกติจะสงวนไว้ให้ผู้บัญชาการกองกำลัง)

• เครื่องมือปฐมพยาบาล

• ธงสัญลักษณ์ของกองกำลัง

• ไฟฉายส่องสว่าง (ไฟฉายประจำที่)

• สมุดบันทึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น