วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผู้นำหน่วยจะต้องประยุกต์ดัดแปลงยุทธวิธี

บทที่ ๗


การสนับสนุนการรบ

“มีวิธีการโจมตีด้วยอาวุธเพลิงอยู่ ๕ วิธี วิธีแรกคือ การเผาผลาญกำลังพล; วิธีที่สองคือ การเผาผลาญเสบียง; วิธีที่สามคือ การเผาผลาญยุทโธปกรณ์; วิธีที่สี่คือ การเผาผลาญปืนใหญ่ และวิธีที่ห้าคือ การใช้อาวุธเพลิงยิงจากระยะไกล”

ซุนวู .....

ศิลปะแห่งการสงคราม

ในการปฏิบัติการทั้ง ๔ แบบ ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ ผู้นำหน่วยจะต้องประยุกต์ดัดแปลงยุทธวิธี, เทคนิค และระเบียบปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการ โดยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการใช้หน่วยรบและหน่วยสนับสนุนการรบ ประกอบกับปัจจัยทางด้านการเมือง และปัจจัย METT-T ในบทที่ ๗ นี้จะอธิบายข้อมูลและรายละเอียดในการวางแผนและใช้หน่วยรบและหน่วยสนับสนุนการรบ ซึ่งจะเน้นการปฏิบัติทางยุทธวิธี แต่จะหมายรวมถึง เทคนิคการใช้ในแต่ละแบบของการปฏิบัติการ ในบทนี้ยังจะอธิบายถึง วิธีการวางแผนการยิงสนับสนุน, การสนับสนุนจากทหารช่าง, การสนับสนุนจากหน่วยบินทหารบก, การสนับสนุนจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร, การสนับสนุนจากหน่วยทหารสื่อสาร, การปฏิบัติการจิตวิทยา, การปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน และการปฏิบัติการ นชค.

ตอนที่ ๑

การยิงสนับสนุน

ปัจจัยหลักของการวางแผนการยิงสนับสนุน คือ ข้อจำกัดในการใช้การยิงสนับสนุนนั่นเอง ในสภาพแวดล้อมของความขัดแย้งระดับต่ำ ย่อมมีข้อจำกัดมากกว่าในสภาพความขัดแย้งของสงครามตามแบบ ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารจะสนธิการยิงสนับสนุนเข้าไว้ในแผนทางยุทธวิธี โดยสอดคล้องกับข้อจำกัดเหล่านั้น ซึ่งย่อมจะจำกัดขอบเขตของการใช้การยิงสนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับหน่วยจะต้องมั่นใจว่าจะสามารถใช้การยิงสนับสนุนได้ในกรณีฉุกเฉิน ตามแผนเผชิญเหตุ

๗ - ๑ การวางแผน

ผู้บังคับหน่วยจะต้องประยุกต์ใช้หลักการวางแผนการยิงสนับสนุน จาก รส.๖–๒๐ แต่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องดังต่อไปนี้ เมื่อวางแผนในสภาวะของความขัดแย้งระดับต่ำ

ก. วางแผนแต่เนิ่นและอย่างต่อเนื่อง

(๑) รับแนวทางการวางแผนจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งปกติแล้วจะเป็นเรื่องลับ, ผู้ประสานการยิงสนับสนุนจะต้องตีความแนวทางดังกล่าวให้ได้มาซึ่งคำตอบจากคำถามว่า ที่ไหน, อะไร และการยิงสนับสนุนจะสามารถสนับสนุนแนวทางนั้นได้อย่างไร กฎระเบียบและหลักการของประเทศเจ้าบ้าน และการเมืองจะมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อแนวทางของผู้บังคับบัญชา และต่อการปฏิบัติการยิงสนับสนุน

(๒) ระบุ หรือร้องขอชุดประสานการยิงสนับสนุนที่เหมาะสม โดยใช้แนวทางของผู้บังคับบัญชาเป็นพื้นฐาน ให้เปรียบเทียบขีดความสามารถและขีดจำกัดของชุดแต่ละชุด เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ดีที่สุด

(๓) ระบุ หรือจัดทำคำร้องขอการจัดเจ้าหน้าที่ติดต่อ เพื่อประกันความมั่นใจในการวางแผนอย่างเหมาะสม ด้วยข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำและทันเวลา จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีพื้นฐานและความมีประสบการณ์

(๔) พัฒนาแผนให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ธรรมชาติของความขัดแย้งระดับต่ำ เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลา ปัจจัยบางประการ ได้แก่

• กฎของการปะทะ

• การเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคาม (การเปลี่ยนแปลงด้วยการแปรพักตร์ และความผันผวนทางการเมือง)

• สภาพลมฟ้าอากาศ

• สถานะของการใช้กำลัง

• การเปลี่ยนแปลงบุคลากร (ฝ่ายข้าศึกและฝ่ายเรา)

• สถานการณ์ทางยุทธวิธี (ที่ตั้งหน่วย, เส้นทางการลาดตระเวน)

ข. ปฏิบัติตามแนวทางเป้าหมายของผู้บังคับบัญชา

(๑) แนวทางในรายละเอียด กฎของการปะทะ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เป็นความ

ลับและมีความจำเป็น รวมทั้งแนวทางที่ได้มีการเผยแพร่ไว้แล้วเป็นอย่างดี แนวทางจะต้องอยู่ในรูปฟอร์มที่ง่ายและสามารถเข้าใจได้ง่าย แม้ผู้ปฏิบัติในระดับต่ำ

(๒) พิสูจน์ทราบ และระบุเป้าหมายที่มีความเร่งด่วนสูงที่เป็นไปได้สำหรับการ ยิงสนับสนุน และแบ่งมอบความรับผิดชอบในการยิงต่อเป้าหมายให้แต่ละหน่วยยิง

(๓) กำหนดข้อจำกัดและความจำเป็นสำหรับการใช้กระสุนแต่ละชนิดให้แน่ชัด (กระสุนโปรยหว่านทุ่นระเบิด, กระสุนควันฟอสฟอรัสขาว, กระสุนควัน, กระสุนส่องสว่าง)

ค. ขยายผลการดำเนินการต่อเป้าหมาย

(๑) เพิ่มเติมแหล่งข้อมูลข่าวสารในการวางแผนการยิงสนับสนุน (ข่าวกรองบุคคล, สงครามอิเล็กทรอนิกส์, เรดาร์, การบินลาดตระเวน)

(๒) พิจารณาดำเนินการต่อแหล่งเป้าหมายให้สามารถยิงได้ทันเวลา โดยเฉพาะเป้าหมายที่มีขนาดเล็ก และมีธรรมชาติในการหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะพบในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ

(๓) พิจารณาความคลาดเคลื่อนของพิกัดเป้าหมายและความเชื่อถือได้ของเครื่องมือค้นหาเป้าหมาย

ง. พิจารณาใช้วิธีการและเครื่องมือสำหรับการยิงสนับสนุนทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งที่มีอานุภาพร้ายแรงและไม่มีอานุภาพร้ายแรง

(๑) ศึกษาให้เข้าใจเจตนารมณ์ของผู้บังคับบัญชาและแนวทางการปฏิบัติ ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ จะใช้กำลังรบให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความสมดุลกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับความสูญเสียและสิ้นเปลืองของเครื่องมือ ข้อพิจารณาอื่น ๆ ได้แก่.-

• ข้อผิดพลาดและเบี่ยงเบนทางระยะที่อาจเกิดขึ้น

• รัศมีการระเบิด

• การกำหนดพิกัดเป้าหมายที่คลาดเคลื่อน

• ความหลากหลายของเป้าหมาย

• เวลาที่จะต้องใช้

• แนวปืน – เป้าหมาย

• ระยะนิรภัยที่น้อยที่สุด

• ผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นทางการเมือง (การใช้กระสุนควันฟอสฟอรัสขาวในสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อาจทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ ทำลายบ้านเรือนและพืชไร่)

(๒) พิจารณาวิธีการใช้เครื่องมือที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง

จ. ใช้หน่วยยิงให้น้อยที่สุดที่สามารถทำการยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

(๑) ในสภาพแวดล้อมของความขัดแย้งระดับต่ำ และสภาพของสนามรบที่ไม่อาจกำหนดแนวรบได้อย่างชัดเจน จำเป็นต้องมีการแบ่งมอบความรับผิดชอบ และการกระจายการใช้การยิงสนับสนุน อย่างไรก็ตาม การวางแผนแบบรวมการโดยใช้กฎของการปะทะ และข้อจำกัดทางการเมือง พร้อมกับระเบียบปฏิบัติที่มีความชัดเจนกระจ่างแจ้ง อาจไม่เกื้อกูลต่อการวางแผนการยิงสนับสนุน และการประสานการยิงสนับสนุนแบบแยกการ ตัวอย่างเช่น แนวทางที่กำหนดให้การยิงสนับสนุนแบบเล็งจำลองทุกชนิดจะต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจาก กองพัน หรือ กรม ซึ่งหมายรวมถึง ค.๖๐ มม. ในระดับกองร้อย อย่างไรก็ตาม แนวทางที่กำหนดในลักษณะนี้จะต้องใช้การประสานงานในระดับสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับระดับของหน่วยใช้ปฏิบัติการ

(๒) การจัดให้มีการยิงสนับสนุนในลักษณะครอบคลุมพื้นที่นั้น ต้องใช้การวางหน่วยยิงสนับสนุนเป็นจำนวนมากตลอดทั่วพื้นที่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้การปฏิบัติแบบแยกการ เช่นเดียวกับภารกิจพิเศษที่ไม่เป็นแบบมาตรฐาน

ฉ. การจัดให้มีการสนับสนุนตามคำร้องขอ การส่งคำสั่งและแนวทางของผู้บังคับบัญชาไปจนถึงหน่วยระดับต่ำสุดนั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง มิฉะนั้นแล้วผู้ประสานการยิงสนับสนุนอาจจำเป็นต้องยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนคำร้องขอการยิงสำหรับหน่วยยิงหรืออาวุธยิงสนับสนุนพิเศษ

ช. หลีกเลี่ยงการใช้หน่วยยิงสนับสนุนซ้ำซ้อนกัน ผู้ประสานการยิงสนับสนุนจะต้องประกันให้มั่นใจว่า ไม่มีการใช้หน่วยยิงซ้ำซ้อนต่อเป้าหมายเดียวกัน และการใช้หน่วยยิงเป็นไปด้วยความประหยัด เพื่อให้พอเพียงกับผลที่ต้องการให้เกิดเท่านั้น

ซ. การพิจารณาประสานห้วงอากาศ

(๑) จัดตั้งนายทหารติดต่อกับส่วนบังคับบัญชาและควบคุมห้วงอากาศ พิจารณาอากาศยานของพลเรือน และเส้นทางบิน

(๒) ระบุความต้องการของนายทหารติดต่อ เช่น นายทหารติดต่อปืนเรือและการสนับสนุนทางอากาศในระดับกองร้อย และนายทหารอากาศติดต่อ

(๓) กำหนดรวมมาตรการจำกัด เช่น การบินในเวลากลางคืน และการใช้พื้นที่ประสานห้วงอากาศเฉพาะในกรณีพิเศษ

ด. จัดให้มีการยิงสนับสนุนอย่างพอเพียง ให้คำแนะนำแก่ผู้บังคับหน่วยดำเนินกลยุทธ์ ในเมื่อหน่วยยิงสนับสนุนมีไม่พอเพียงตามความต้องการแนะแนวความคิดในการปฏิบัติของผู้บังคับหน่วยนั้น และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผู้ประสานการยิงสนับสนุนจะต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วง

ต. จัดให้มีการประสานการปฏิบัติอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

(๑) แจกจ่ายระเบียบการปฏิบัติที่ชัดเจนและกฎการปะทะไปจนถึงหน่วยระดับต่ำสุด

(๒) เฝ้าฟังและปรับปรุงมาตรการประสานการยิงสนับสนุนให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง

(๓) ปฏิบัติตามกฎของประเทศเจ้าบ้าน

(๔)แจ้งข่าวสารแก่นายทหาร และเจ้าหน้าที่ติดต่อในเรื่องระเบียบปฏิบัติ และกฎของการปะทะ

ถ. จัดให้มีความอ่อนตัว

(๑) จัดให้มีการใช้การสนับสนันร่วมกันในเรื่องการยิงเล็งจำลอง

(๒) จัดให้มีหน่วยยิงสนับสนุนสำรองเพิ่มเติม ในกรณีที่สภาพลมฟ้าอากาศไม่ เอื้ออำนวย

(๓) จัดวางอาวุธยิงสนับสนุนให้มีขีดความสามารถในการยิงได้รอบตัวถึง ๖,๔๐๐ มิลเลียม

(๔) พิจารณาจัดให้มีระเบียบปฏิบัติในการติดต่อสื่อสารสำรอง

(๕) มีความรู้ความเข้าใจในขีดจำกัดเกี่ยวกับลักษณะภูมิประเทศ และปรับปรุงให้มีความสอดคล้องเหมาะสม (เช่น การปรับการยิงด้วยการฟังเสียงในป่าทึบ)

ท.จัดให้มีระบบการระวังป้องกันและความอยู่รอดในสนามรบให้กับกำลังฝ่ายเดียวกันและฐานที่มั่น

(๑) พิจารณาบูรณาการหน่วยดำเนินกลยุทธ์และหน่วยยิงสนับสนุนให้อยู่ในฐานที่มั่นเดียวกัน เพื่อการป้องกันร่วมกัน

(๒) กำหนดมาตรการประสานการยิงสนับสนุน เพื่อให้มีระบบการป้องกันตนเอง (เช่น พื้นที่ห้ามยิง และพื้นที่จำกัดการยิง)

๗ - ๒ หน่วยทหารปืนใหญ่

การใช้อำนาจการยิงจะต้องสะท้อนให้เห็นหลักการสำคัญประการหนึ่งคือ การใช้กำลังให้น้อยที่สุดเท่าที่จะจำเป็น หน่วยทหารปืนใหญ่สนามที่จัดเพื่อให้การสนับสนุนกองพลทหารราบเบา จะประกอบด้วยปืนใหญ่วิถีโค้ง ขนาดกว้างปากลำกล้อง ๑๐๕ มม. สำหรับกองพลที่มิใช่กองพลเบาก็มักจะใช้หน่วยทหารปืนใหญ่ที่มีปืนใหญ่ขนาดกว้างปากลำกล้องมากกว่า หากหน่วยที่รับการสนับสนุนไม่ใช่หน่วยทหารราบเบาแล้ว ปืนใหญ่ที่ใช้ยิงให้การสนับสนุนก็จะเป็นขนาด ๑๕๕ มม. วิถีโค้ง กองร้อยทหารปืนใหญ่มักจะต้องแยกออกจากกองพัน เพื่อปฏิบัติภารกิจในกรณีที่ต้องใช้การกระจายกำลังออกไปเป็นระยะไกล ภารกิจของหน่วยทหารปืนใหญ่สนามประกอบด้วย ภารกิจการช่วยโดยตรง, การช่วยส่วนรวม, การเพิ่มเติมกำลังยิง และการช่วยส่วนรวมเพิ่มเติมกำลังยิง หน่วยทหารปืนใหญ่มักจะถูกใช้ในลักษณะของการช่วยโดยตรงให้กับหน่วยดำเนินกลยุทธ์ที่มีความสัมพันธ์กัน หรือใช้ในลักษณะของการยิงของฐานยิงเป็นชุดยิง (ช่วยส่วนรวม) เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการ รูปแบบของกำลังของฝ่ายข้าศึกจะทำให้ฝ่ายเราต้องการการสนองตอบอย่างรวดเร็ว หน่วยทหารปืนใหญ่สนามจะจัดให้มีการยิงสนับสนุนอย่างรวดเร็ว แม่นยำและมีอำนาจการทำลายร้ายแรงต่อฝ่ายกองโจรที่กำลังเคลื่อนที่ นอกจากนี้นายทหารปืนใหญ่ และนายสิบของเหล่าทหารปืนใหญ่ยังสามารถจัดให้มีการฝึก, การให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือในด้านยุทธวิธี และเทคนิคของการใช้ในบทบาทของการให้ความช่วยเหลือทางทหารอีกด้วย

ก. ภารกิจ ภารกิจที่สอดคล้องกับการสนับสนุนหน่วยดำเนินกลยุทธ์ การยิงของ ป.สนาม จะมีประสิทธิผลต่อการสนับสนุนให้กับ.-

(๑) ที่ตั้งหน่วยระวังป้องกัน, จุดตรวจ, จุดปิดกั้นถนน และชุดลาดตระเวน ซึ่งจะบรรลุภารกิจได้ด้วยแผนการยิง, ข่ายอำนายการยิง และการใช้ ผตน.ภาคพื้นดิน และ ผตน.ทางอากาศ การยิงของ ป.สนาม ยังสามารถใช้เพื่อขัดขวางการใช้เส้นทางของข้าศึก และจัดการยิงสนับสนุนใกล้พื้นที่ส่งลง และพื้นที่บินลงก่อน, ระหว่าง และภายหลังการลงสู่พื้นเข้าโจมตี

(๒) แผนการลวง สามารถบรรลุภารกิจได้โดยการวางแผนการยิงของ ป.สนาม ในพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือไปจากพื้นที่ที่ได้มีการวางแผนปฏิบัติการไว้ ซึ่งจะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของข้าศึกออกไปจากความพยายามหลักของฝ่ายเรา

(๓) การปฏิบัติการควบคุมประชาชนและทรัพยากร สามารถบรรลุภารกิจได้โดยการจัดให้มีการยิงส่องสว่าง ช่วยในการปฏิบัติการปิดล้อมและตรวจค้นแบบตำรวจ หรือการเข้าตีโฉบฉวย หน่วยทหารปืนใหญ่สนามยังสามารถวางแผนใช้การยิงส่องสว่าง เพื่อช่วยในการตั้งรับและป้องกันการเข้าตีของกองโจรต่อที่มั่นฐานปฏิบัติการ ซึ่งหมายรวมถึง ฐานทัพอากาศ, แหล่งกำเนิดพลังงาน, ศูนย์การคมนาคม, ตำบลส่งกำลัง, สะพาน หรือชุมชน นอกจากนี้ การยิงตามแผนที่ได้วางไว้ยังสามารถใช้ป้องกันขบวนยานยนต์และรูปขบวนการทางยุทธวิธีได้ด้วย

(๔) การปฏิบัติการจิตวิทยา หน่วยทหารปืนใหญ่สนามสามารถจัดให้มีการยิงสนับสนุนด้วยกระสุนที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการจิตวิทยา หรือหน่วยตามแบบในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำทุกกรณี

ข. แนวความคิดในการปฏิบัติ การยิงของ ป.สนาม ที่แม่นยำและทันเวลา จะสามารถขัดขวางและลดประสิทธิภาพในการปฏิบัติของฝ่ายข้าศึกได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มีการยิงสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บังคับบัญชาจะใช้ ป.สนาม เพื่อทำการยิงให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุดด้วยอาวุธยิงที่มีอยู่ โดยจัดกองร้อยทหารปืนใหญ่ไว้ตามฐานปฏิบัติการของหน่วยดำเนินกลยุทธ์ระดับกองพัน หน่วยทหารปืนใหญ่สนามยังสามารถจัดให้มีพื้นที่ของการยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันคลังสิ่งอุปกรณ์, สถานที่ตั้งทางการส่งกำลังบำรุง, ศูนย์ประชาคม และตำบลวิกฤตอื่น ๆ และหากจำเป็นต้องรับผิดชอบพื้นที่กว้างออกไปอีก หน่วยทหารปืนใหญ่สนามบางหน่วยอาจจำเป็นต้องเข้าไปตั้งยิงอยู่ในระยะของหน่วยปฏิบัติการที่เตรียมเข้าตีก็ได้ ซึ่งในการนี้จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้อำนาจการยิง และปริมาตรการยิงที่หนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยทหารปืนใหญ่ระดับกองพัน หรือกองร้อยที่จำเป็นจะต้องทำการยิงต่อเป้าหมายที่มีขนาดเล็ก อาจจะต้องลดอำนาจและปริมาตรการยิงลงไปบ้าง หน่วยที่สามารถร้องขอการยิงของ ป.สนาม ได้แก่ กำลังของหน่วยดำเนินกลยุทธ์ที่รับการสนับสนุน, กองกำลังป้องกันตนเอง, ตำรวจ, ส่วนระวังป้องกัน และหน่วยสนับสนุนอื่น ๆ

ค. การประสานการปฏิบัติ ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารจะต้องจัดให้มีการประสานโดยใกล้ชิดระหว่าง หน่วยทหารปืนใหญ่ และหน่วยดำเนินกลยุทธ์ เช่นเดียวกับการประสานงานกับกิจการด้านพลเรือนของประเทศเจ้าบ้าน

(๑) นายทหารปืนใหญ่สนามอาวุโสในแต่ละระดับของส่วนบังคับบัญชาหน่วยดำเนิน กลยุทธ์ จะได้รับแต่งตั้งและมอบหมายหน้าที่ ผปยส.

(๒) นยส. ตั้งแต่ระดับกองร้อย จนถึงกรม จะจัดตั้งและดำรงไว้ซึ่ง สปยส. ในระดับกองพัน และกรมนั้น สปยส.จะปฏิบัติการโดยใช้กำลังพลของเหล่าทหารปืนใหญ่ และอาจได้รับการเพิ่มเติมด้วย ชคอย. หรือ นตต. ปืนเรือและการสนับสนุนทางอากาศในระดับกองร้อย หากมีจำนวนกำลังพลและเครื่องมือเครื่องใช้พอเพียง

(๓) การใช้ ป.สนาม อาจจำเป็นต้องมีการเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นในเรื่องของการช่วยเหลือประสานงาน เพื่อให้ได้รับอนุมัติการยิง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎของการปะทะ

(๔) การมีเวลาไม่พอเพียง จะส่งผลกระทบถึงการเตรียมการ, ประสานการปฏิบัติ และการสนธิแผนการยิงสนับสนุน ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำ รปจ.ไว้ล่วงหน้า เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว การจัดการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องระหว่าง ผบ.หน่วยรับการสนับสนุน และ ผปยส.จะทำให้เกิดการประสานการปฏิบัติกันตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตามในการปฏิบัติการที่จำเป็นต้องใช้หน่วยดำเนินกลยุทธ์ และหน่วยสนับสนุนเป็นจำนวนมากมาย หลายหน่วยจะต้องมีมาตรการประสานการปฏิบัติเพื่อประกันความมั่นใจว่า จะไม่มีการร้องขอการยิงไปทำอันตรายแก่ฝ่ายเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เอง นจย.อาจจำเป็นต้องถูกกำหนดขึ้น

ง. การปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ การปฏิบัติการลักษณะนี้โดยทั่วไปจำเป็นต้อง.-

(๑) ใช้การจัดแบบแยกการมากขึ้น, โดยการจัดขึ้นสมทบ และเพิ่มเติมการยิงสนับสนุน

(๒) ลดขีดความสามารถในการควบคุมและประสานการยิงในระดับกรม ภายในพื้นที่ปฏิบัติการ

(๓) เพิ่มความจำเป็นในการระวังป้องกันสำหรับที่ตั้งยิงของอาวุธยิงเล็งจำลอง ทั้งนี้จะประกอบด้วย การวางแผนการยิงเล็งจำลองสำหรับการป้องกัน และการประสานการปฏิบัติของกำลังฝ่ายเรา หรือกำลังทหารของประเทศเจ้าบ้าน เพื่อเพิ่มการระวังป้องกันให้กับหน่วยทหารปืนใหญ่สนาม

(๔) ใช้การยิงรอบตัวมากยิ่งขึ้น

(๕) ให้การสนับสนุนกับกำลังป้องกันประจำถิ่น และยามรักษาการณ์ที่อยู่ประจำที่

(๖) ใช้การยิงสนับสนุนโดยหลีกเลี่ยงการสูญเสียของฝ่ายเดียวกัน การสูญเสียในลักษณะนี้ สามารถทำให้ประชาชนเริ่มเป็นปฏิปักษ์และต่อต้านรัฐบาล การประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญยิ่งระหว่างกำลังทหารของประเทศเจ้าบ้านและองค์กรของฝ่ายพลเรือน กับหมู่บ้านในท้องถิ่น, ศูนย์กลางประชาคม และสถานที่ตั้งที่สำคัญทางศาสนา

(๗) ใช้การประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ราชการของประเทศเจ้าบ้าน ในพื้นที่ปฏิบัติการ

๗ - ๓ ตอน/หมวดเครื่องยิงลูกระเบิด

ส่วนยิงของ ตอน/หมวดเครื่องยิงลูกระเบิดจะเข้าที่ตั้งยิงโดยอยู่ในพื้นที่ของกองร้อย/กองพัน หรือภายในฐานปฏิบัติการ ตอน/หมวดเครื่องยิงลูกระเบิด สามารถจัดให้มีการยิงสนับสนุนแบบเล็งจำลองให้กับกองร้อย/กองพัน ได้อย่างตรงความต้องการ ตามปกติแล้ว ตอน/หมวดเครื่องยิงลูกระเบิดจะอยู่ในความควบคุมของกองร้อย/กองพัน

๗ - ๔ หมวด/กองร้อยต่อสู้รถถัง

ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ หน่วยต่อสู้รถถังมักจะไม่ถูกใช้งานตรงตามภารกิจหรือ บทบาทของมัน ในเมื่อไม่มีภัยคุกคามจากยานเกราะ ผู้บังคับหน่วยอาจพิจารณาใช้หน่วยต่อสู้รถถังเพื่อยิงทำลายเป้าหมายที่มีความแข็งแรง หรืออาจพิจารณาเก็บอาวุธนำวิถี TOW ไว้ในที่เก็บรักษาในคลัง แล้วนำเอาพลประจำอาวุธนั้นไปใช้งานในภารกิจอื่น กำลังพลดังกล่าวนี้เหมาะสมที่จะนำไปใช้เป็นส่วนระวังป้องกันให้กับฐานปฏิบัติการของกองพัน หรือนอกจากนี้อาจนำหมวด/กองร้อยต่อสู้รถถังไปใช้ในภารกิจอื่นของกรม เช่น การลาดตระเวนระวังป้องกัน และคุ้มกันขบวนยานยนต์ ยานพาหนะหลายคันในหน่วยต่อสู้รถถังสามารถบรรทุก หรือติดตั้งปืนกลขนาด .๕๐ นิ้ว, ปืนกลขนาด ๗.๖๒ มม. หรือเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ MK ๑๙ ได้ แต่ก่อนที่จะดำเนินการติดตั้งอาวุธดังกล่าว จะต้องฝึกกำลังพลให้สามารถใช้และปรนนิบัติบำรุงอาวุธนั้น ๆ ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ศึกษากฎของการปะทะ

๗ - ๕ หน่วยป้องกันภัยทางอากาศ

การป้องกันภัยทางอากาศ เป็นการผสมผสานมาตรการเชิงรุกและเชิงรับทั้งหมดในอันที่จะต่อต้านการปฏิบัติการทางอากาศของฝ่ายข้าศึก ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ ฝ่ายข้าศึกอาจจะไม่มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ หรือมีน้อย หรืออาจจะมีก็ได้

ก. หากฝ่ายข้าศึกไม่มีขีดความสามารถในการโจมตีทางอากาศ หรือมีน้อย ผู้บังคับหน่วยต้องพิจารณาเก็บอาวุธต่อสู้อากาศยานไว้ที่ส่วนหลังหรือในคลังเก็บ แล้วใช้กำลังพลประจำอาวุธนั้นปฏิบัติภารกิจอื่นในเรื่องการระวังป้องกันภายในฐานปฏิบัติการ หรืออาจพิจารณาใช้ ปตอ.วัลแคน ในการยิงแบบเล็งจำลอง เพื่อป้องกันฐานปฏิบัติการ, ขบวนยานยนต์ หรืออื่น ๆ หากได้มีการพิจารณาใช้หนทางปฏิบัตินี้แล้ว ผู้บังคับหน่วยจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ฝ่ายข้าศึกย่อมสามารถรับการสนับสนุนกำลังทางอากาศจากภายนอกได้ หากเราได้แยกกำลังพลออกมาจากอาวุธต่อสู้อากาศยานแล้ว การโจมตีทางอากาศที่ไม่หนักหน่วง ก็อาจทำลายกำลังของฝ่ายเราได้ ผู้บังคับหน่วยจะต้องวางแผนสำหรับป้องกันการโจมตีในลักษณะดังกล่าวไว้ด้วยเสมอ

ข. หากกำลังของฝ่ายข้าศึกมีขีดความสามารถในการโจมตีทางอากาศ หรือปรากฏภัยคุกคามจากทางอากาศ หน่วยป้องกันภัยทางอากาศจะต้องปฏิบัติการตอบโต้อย่างรวดเร็ว หน่วยจะต้องใช้การป้องกันภัยทางอากาศ เช่นเดียวกับในสภาพสงครามตามแบบ ผู้บังคับหน่วยจะต้องจัดให้มีมาตรการและระดับของการป้องกันภัยทางอากาศ

๗ - ๖ หน่วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี

เฮลิคอปเตอร์โจมตีเป็นส่วนดำเนินกลยุทธ์ที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูงและสามารถสนองตอบภารกิจได้อย่างรวดเร็วฉับพลัน และสามารถเข้าโจมตีเป้าหมายในสนามรบได้ทุกแห่งด้วยอำนาจการยิง ขีดความสามารถเหล่านี้จะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติการยุทธ์ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ ซึ่งได้แก่.-

• การเฝ้าตรวจและระวังป้องกันในการปฏิบัติการยุทธ์เคลื่อนที่โจมตีทางอากาศ และเข้าร่วมปฏิบัติการ ณ พื้นที่เป้าหมาย

• การเฝ้าตรวจและระวังป้องกันให้กับขบวนยานยนต์ทางภาคพื้นดิน, ขบวนเคลื่อนย้ายทางน้ำ และทางรถไฟ

• การลาดตระเวนติดอาวุธและการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ รวมทั้งการกำหนดที่ตั้ง เป้าหมาย และการทำลายเป้าหมายในสภาพเงื่อนไขที่ชัดเจน

• การเพิ่มเติมอำนาจการยิงให้กับหน่วยปฏิบัติการ

• การใช้เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยา และการแสดงกำลัง

๗ - ๗ การสนับสนุนทางอากาศยุทธวิธี

กำลังของกองทัพอากาศ จะทำการบินและปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการยุทธ์ ในสภาวะของความขัดแย้งระดับต่ำ นายทหารอากาศติดต่อจากกองทัพอากาศที่มาประจำอยู่ในหน่วยระดับกรม สามารถประสานการปฏิบัติ และให้ความช่วยเหลือในการร้องขอการสนับสนุน

ก. การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ให้การสนับสนุนกับการปฏิบัติการทางภาคพื้นดิน โดยโจมตีเป้าหมายที่เป็นข้าศึกที่อยู่ใกล้กับกำลังทางภาคพื้นดินของฝ่ายเรา

(๑) การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด สามารถสนับสนุนการรบด้วยวิธีรุก, การต่อต้านการรบด้วยวิธีรุก และการปฏิบัติการรบด้วยวิธีรับของกำลังทางภาคพื้นดินด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็ว ตามแผนที่ได้วางไว้ ภารกิจทั้งหมดดังกล่าวแล้วต้องการการประสานการปฏิบัติในรายละเอียด และการสนธิเข้ากับแผนการยิงและแผนการดำเนินกลยุทธ์ของกำลังทางภาคพื้นดินของฝ่ายเดียวกัน ภารกิจการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดต้องการระยะนิรภัยหรือฉนวนในสนามรบ, ข่าวกรองและข่าวสารข้อมูลที่ทันเวลา และการยิงอาวุธได้อย่างแม่นยำ

(๒) การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด ช่วยเสริมการปฏิบัติการทางภาคพื้นดินด้วยการใช้อาวุธยิงพิสัยไกล และการใช้อำนาจการยิงอย่างหนาแน่นและรุนแรง ณ จุดแตกหัก การปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจู่โจมต่อฝ่ายข้าศึก สร้างโอกาสในการรุกให้กับส่วนดำเนินกลยุทธ์ของฝ่ายเรา ช่วยให้การระวังป้องกันทางปีก ทำลายรูปขบวนและการรุกของข้าศึก รวมทั้งป้องกันพื้นที่ส่วนหลังให้กับกำลังทางภาคพื้นดิน ในขณะที่ดำเนินกลยุทธ์ในพื้นที่ส่วนหลัง

ข. การลาดตระเวนทางอากาศ การลาดตระเวนทางอากาศใช้เพื่อรวบรวมข่าวสารจากทางอากาศด้วยการบินเป็นวงจร และใช้อุปกรณ์บันทึกภาพทางภาคพื้นดิน ภารกิจการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจของกองทัพอากาศ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดำเนินการด้านข่าวกรองแห่งชาติ และการตรวจการณ์สังเกตการณ์ การลาดตระเวนทางอากาศเป็นวิธีการหนึ่งซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูลได้มากเพียงพอสำหรับเป็นปัจจัยในการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, ใช้เพื่อแสดงกำลัง, ปฏิบัติการวางแผน, ใช้เป็นกำลังปฏิบัติการ และแจ้งเตือนข่าวสารในยามวิกฤต การปฏิบัติการเฝ้าตรวจทางอากาศ สามารถรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากทางอากาศและบนพื้นดิน รวมทั้งใต้ดินอีกด้วย การปฏิบัติการลาดตระเวนจะเป็นการปฏิบัติโดยตรงต่อเป้าหมายในท้องถิ่นหรือเป้าหมายอื่น ๆ จากการลาดตระเวนเฝ้าตรวจนี้เอง ทำให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้หลากหลาย เช่น ข่าวอุตุนิยมวิทยา, ข่าวอุทกศาสตร์, ข่าวภูมิศาสตร์, คุณลักษณะของการติดต่อสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ ผลผลิตที่ได้จากการลาดตระเวนเฝ้าตรวจทางอากาศ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งทางยุทธศาสตร์และทางยุทธวิธี ทั้งในยามสงบและยามสงคราม การลาดตระเวนเฝ้าตรวจทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทำให้ได้รับข้อสังเกตอย่างทันเวลาเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของข้าศึก รวมทั้งข้อมูลและการปฏิบัติที่สำคัญสำหรับหน่วยบัญชาการแห่งชาติและผู้บังคับหน่วยกำลังรบ การปฏิบัติการเหล่านี้ช่วยให้สามารถพิสูจน์ทราบการประกอบกำลังและขีดความสามารถของฝ่ายข้าศึกได้

ค. การเคลื่อนย้ายกำลังทางยุทธวิธีทางอากาศ การเคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศ ใช้เพื่อเคลื่อนย้าย, วางกำลัง และดำรงรักษาสภาพกำลังรบภายใต้เงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงจากยามสงบไปสู่ยามสงคราม เมื่อพิจารณาในภารกิจการรบ, การเคลื่อนย้ายกำลังทางอากาศสามารถสร้างอำนาจกำลังรบได้ทั้งจากการส่งทางอากาศ, การดึงลงด้วยร่ม และการบินลงเพื่อส่งกำลังทางภาคพื้นดิน และการช่วยส่งกำลังบำรุงให้กับหน่วยปฏิบัติการทางพื้นดินด้วยการปฏิบัติการด้วยความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ผู้บัญชาการกองกำลังร่วม/ผสมจะสามารถใช้หน่วยกำลังรบดำเนินกลยุทธ์เพื่อขยายผลจากจุดอ่อนของฝ่ายข้าศึก เมื่อพิจารณาในแง่ของภารกิจการสนับสนุนการรบ การเคลื่อนย้ายทางอากาศ สามารถใช้ดำเนินการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงด้วยการขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ในยามปกติการเคลื่อนย้ายทางอากาศใช้ช่วยเหลือสนับสนุนด้านการทหารและด้านหน่วยงานพลเรือน ในการบรรเทาทุกข์เพื่อเสริมการปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งชาติ นอกจากนี้ อากาศยานยังสามารถใช้เพื่อการทิ้งพลส่องสว่างและใบปลิว อากาศยานหลายแบบสามารถติดตั้งเครื่องกระจายเสียง และอุปกรณ์ที่ใช้ฉีดพ่นสารเคมีเพื่อการดับไฟป่า การเคลื่อนย้ายทางอากาศช่วยให้สามารถเคลื่อนย้ายกำลังทั้งส่งเข้าปฏิบัติการและนำกำลังกลับได้อย่างรวดเร็วทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นกำลังพล, ยุทโธปกรณ์หรือสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกทั้งสามารถใช้เพื่อเสริมเพิ่มเติมการปฏิบัติการทางทหาร และช่วยสนับสนุนการปฏิบัติเพื่อวัตถุประสงค์แห่งชาติ อาจกล่าวได้ว่า การเคลื่อนย้ายทางอากาศ เป็นทั้งภารกิจทางยุทธศาสตร์และทางยุทธวิธี การเคลื่อนย้ายทางอากาศทางยุทธศาสตร์ (ระหว่างยุทธบริเวณ) เป็นการใช้งานเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังยุทธบริเวณใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในการควบคุมแบบรวมการของหน่วยบัญชาการสูงขึ้นไปหลายระดับ การเคลื่อนย้าย ทางอากาศทางยุทธวิธี (ภายในยุทธบริเวณ) เป็นการใช้งานเพื่อเคลื่อนย้ายกำลังเข้าปฏิบัติการต่อเป้าหมายภายในยุทธบริเวณ หรือการสนับสนุนการปฏิบัติภายในยุทธบริเวณ

จ. การบริการข่าวอากาศ การบริการข่าวอากาศของกองทัพอากาศ ช่วยให้ได้ข้อมูลข่าวสารที่ทันเวลาเกี่ยวกับสภาพสิ่งแวดล้อม ในอันที่จะสนับสนุนภารกิจทางยุทธศาสตร์, ยุทธวิธี และการปฏิบัติการที่ใช้ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง การบริการข่าวอากาศประกอบด้วย การรวบรวม, วิเคราะห์ และดำเนินกรรมวิธีจัดทำข้อมูลอุตุนิยมเพื่อการวางแผน ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติการ ทั้งทางอากาศและทางพื้นดิน

๗ - ๘ การสนับสนุนด้วยการยิงของปืนเรือ

กองเรือสามารถจัดให้มีการยิงสนับสนุนด้วยปืนเรือให้กับการปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก และหน่วยดำเนินกลยุทธเมื่อปฏิบัติการในพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล เมื่อใช้การยิงของปืนเรือในภารกิจการสนับสนุน, เรือแต่ละลำจะได้รับมอบหมายภารกิจทางยุทธวิธีในเรื่อง การช่วยโดยตรง หรือการช่วยส่วนรวม เรือที่ให้การช่วยโดยตรงกับหน่วยระดับกองพัน จะช่วยวางแผนและยิงสนับสนุนให้อย่างฉับพลันทันใด เรือที่ให้การช่วยส่วนรวมจะสนับสนุนหน่วยระดับกรม ด้วยการยิงแบบประณีตและมีการปรับการยิง การสนับสนุนด้วยการยิงของปืนเรืออาจได้รับมอบให้เป็นภารกิจยิงพื้นฐานในการยิงช่วยหน่วยรองที่เป็นส่วนดำเนินกลยุทธ์ผู้บัญชาการกองกำลังจะต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากการยิงของปืนเรือนั้น เป็นการยิงที่กระสุนปืนจะมีความเร็วสูง วิถีกระสุนไม่โค้งมาก ดังนั้นจึงมักจะมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากในภูมิประเทศที่เป็นพื้นราบ

ก. ในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำการใช้การยิงสนับสนุนด้วยปืนเรือคงอยู่ภายใต้หลักการของ “การใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น” เช่นเดียวกับการใช้ปืนใหญ่สนาม หากสามารถใช้ปืนใหญ่สนามในการยิงสนับสนุนการปราบปรามการก่อความไม่สงบได้ ก็ย่อมสามารถใช้ปืนเรือได้เช่นเดียวกัน ข้อดีประการหนึ่งของการใช้ปืนเรือก็คือ หน่วยกำลังรบทางภาคพื้นดิน ไม่จำเป็นต้องจัดการระวังป้องกันให้กับเรือนั้น

ข. หมวดติดต่อ (จากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน) มักจะถูกจัดมาขึ้นสมทบกับหน่วยระดับกรม หมวดนี้จะประกอบด้วย ผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน และเครื่องมือติดต่อสื่อสาร เพื่อใช้ควบคุม, ประสานงาน และร้องขอการสนับสนุนจากการยิงของปืนเรือ หรืออากาศนาวี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น