สภาพแวดล้อมพิเศษ
ความพร้อมรบและการเตรียมพร้อมของกองทัพบก จะถูกดำรงรักษาให้คงอยู่เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมพิเศษ ซึ่งอาจต้องเผชิญโดยไม่คาดคิด ในตอนที่ ๕ นี้ จะประกอบด้วยโครงสร้างของข้อพิจารณาเพื่อประยุกต์หลักนิยมใช้กับการปฏิบัติการในสภาพพิเศษ เช่น ในป่าทึบ, ทะเลทราย, ภูเขา, สภาพอากาศหนาวจัด และในสภาพภูมิประเทศที่เป็นเมืองหรือชุมชน
๗ - ๒๒ ป่าทึบ
ภูมิภาคที่เป็นป่าทึบในทวีปเอเซีย, อาฟริกา และในครึ่งซีกโลกทางด้านตะวันตกจะเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก ป่าจะมีสภาพแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งป่าในเขตร้อนชื้นใกล้ศูนย์สูตร ป่าที่เกิดใหม่ และป่าที่ลุ่มที่มีน้ำท่วมขัง จนถึง ป่าซาวันนาในเขตร้อน สภาพโดยทั่วไปในพื้นที่ที่เป็นป่า จะมีพืชพันธุ์ไม้หนาทึบ, อุณหภูมิค่อนข้างสูงคงที่และมีความชื้น อีกทั้งมีฝนตกหนัก การปฏิบัติการทางทหารในป่าทึบจะมีผลกระทบจากปัจจัย ๒ ประการ คือ สภาพภูมิอากาศและพืชพันธุ์ไม้ ปัจจัยทั้งสองผสมกันจะจำกัดความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่, การตรวจการณ์, พื้นที่การยิง, การติดต่อสื่อสาร และการปฏิบัติเพื่อรวบรวมข่าวกรองในสนามรบ นอกจากนี้ปัจจัยดังกล่าวยังจำกัดการปฏิบัติการยุทธ์ และการดำรงขีดความสามารถของหน่วย ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษที่เหมาะสมในการลดผลกระทบเหล่านั้น (ดูรายละเอียดใน รส.๙๐ - ๕)
๗ - ๒๓ ทะเลทราย
พื้นที่ทะเลทรายหลายแห่งในโลก เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อผลประโยชน์แห่งชาติของประเทศมหาอำนาจ และมีความจำเป็นที่ประเทศเหล่านั้นต้องเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการในทะเลทรายให้กับทหารในกองทัพ ทะเลทรายอาจเป็นพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง หรือพื้นที่แห้งแล้งเต็มที่ จำนวนน้ำที่พอเพียงเป็นปัจจัยเบื้องต้นในการวางแผนและการปฏิบัติการในทะเลทราย ทะเลทรายอาจมีสภาพอากาศที่หนาวจัดและร้อนจัดในแต่ละช่วงเวลา และอาจมีทัศนวิสัยดี หรือทัศนวิสัยที่เลวมากจากพายุทราย, แจ้งจัดหรือมีฝนตกทันทีทันใด, ขาดแคลนน้ำ หรืออาจมีน้ำท่วมฉับพลัน นอกจากนี้ยังอาจมีสภาพการจราจรที่ดี หรือเป็นเครื่องกีดขวางของกำลังทั้งสองฝ่าย ลักษณะบางประการของการปฏิบัติการยุทธ์ในทะเลทราย จะประกอบด้วย การใช้หน่วยทหารขนาดใหญ่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, มีการตรวจการณ์ที่ดี และมีพื้นการยิงกว้างไกล จำเป็นต้องใช้การลวง และมักไม่ค่อยมีภูมิประเทศสำคัญ (ดูรายละเอียดใน รส.๙๐ - ๓)
๗ - ๒๔ ภูเขา
พื้นที่ที่เป็นภูเขามีอยู่ทั่วไปในโลก ตั้งแต่แถบขั้วโลก จนถึงเขตร้อน ภูเขามีอิทธิพลและผลกระทบต่อการปฏิบัติการทางทหารอย่างมาก การปฏิบัติการในพื้นที่ที่เป็นภูเขาจะมีลักษณะพิเศษ คือ จำกัดระยะยิงของอาวุธกระสุนวิถีราบ, มีความจำเป็นในการใช้การยิงแบบเล็งจำลองมากยิ่งขึ้น, ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่จะอยู่ที่การใช้พื้นที่ราบหรือหุบเขา, มีการสู้รบแบบกระจายกำลัง, มีความจำเป็นต้องใช้การปฏิบัติการบนพื้นที่สูงมากกว่าการปฏิบัติการบนเส้นหลักการคมนาคม และขีดความสามารถในการบังคับบัญชาและควบคุม จะลดน้อยลง (ดูรายละเอียดใน รส.๙๐ - ๖)
๗ - ๒๕ สภาพแวดล้อมในแถบพื้นที่อากาศหนาวจัด
สภาพแวดล้อมในแถบพื้นที่อากาศหนาวจัด ก็มีผลกระทบต่อการปฏิบัติการทางทหารอย่างมากเช่นเดียว ในฤดูหนาวจะมีลักษณะพิเศษ คือ ช่วงเวลากลางคืนยาวนาน, อากาศเย็นจัด และมีหิมะปกคลุมหนาและลึก ซึ่งจะลดขีดความสามารถในการใช้อาวุธ เนื่องจากความแข็งและเปราะของพื้นผิว, มีน้ำแข็งและละอองน้ำอยู่รอบ ๆ ศูนย์ปืนหรือกล้องเล็ง และมีน้ำแข็งจับเกาะตามเสาอากาศวิทยุ หรือเข้าไปเกาะในไส้กรองอากาศของเครื่องยนต์ สภาพอากาศหนาวจัดทำให้การปฏิบัติกิจต่าง ๆ เป็นไปด้วยความล่าช้า แม้แต่กิจขั้นพื้นฐานก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีผลทางด้านลบต่อสุขภาพและขวัญของทหาร (ดูรายละเอียดใน รส.๓๑ - ๗๑)
ตอนที่ ๖
การสนับสนุนจากหน่วยทหารสารวัตร
หน่วยทหารสารวัตรสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการในสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปฏิบัติหน้าที่และภารกิจเช่นเดียวกับยามปกติ หน่วยทหารสารวัตรจะปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจและสารวัตรทหารของประเทศเจ้าบ้าน หน่ายสารวัตรทหารสามารถจะปฎิบัติการลาดตระเวนเฝ้าตรวจได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นเครื่องมือหรือแหล่งรวบรวมข่าวกรองได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการจัดหน่วยและยุทธปกรณ์เพื่อปฎิบัติการควบคุมการใช้เส้นทางการจราจรในพื้นที่การรบ การรักษาความปลอดภัยเป็นพื้นที่ การควบคุมเชลยศึกและการปฏิบัติการตามกฎหมายและคำสั่ง ทหารสารวัตรสามารถเข้าปฎิบัติบัติหน้าที่ในฐานะของหน่วยกองกำลังในการพิทักษ์หน่วย และในบทบาทของการระวังป้องกัน
๗–๒๖ ภารกิจ
หน่วยทหารสารวัตรมีความเหมาะสมในกิจเฉพาะมากมายในแต่ละประเภทของการ :
ก. การปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ ซึ่งประกอบด้วย.-
(๑) การปฏิบัติการแบบตำรวจ
(๒) การปฏิบัติการตรวจค้น หน่วยทหารสารวัตรจะปฏิบัติการตรวจค้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น โดยปฏิบัติหรือกำกับดูแลชุดตรวจค้น, การรักษาความปลอดภัยบุคคลหรือทรัพย์สินที่ยึดมาได้ และการส่งกลับเชลยศึก
(๓) การจัดตั้งจุดตรวจและจุดปิดกั้นถนน
(๔) การตรวจค้นในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง
(๕) การควบคุมการก่อจลาจลหรือฝูงชน
(๖) การเข้าตีโฉบฉวย
(๗) การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ
(๘) การซุ่มโจมตี
(๙) การป้องกันฐานที่มั่น
(๑๐) การระวังป้องกันเส้นหลักการคมนาคม โดยการลาดตระเวนตามถนนและพื้นที่, จัดตั้งตำบลควบคุมการจราจร, คุ้มกันขบวนยานยนต์ และการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบของตน หน่วยทหารสารวัตรสามารถเข้าทำการสู้รบกับกำลังส่วนย่อยของข้าศึกและสามารถปฏิบัติการเป็นส่วนตรึงกำลังไว้จนกว่าหน่วยรบจะเข้ามาถึงพื้นที่
(๑๑) การควบคุมประชาชนและทรัพยากร การปฏิบัติการในสถานการณ์การก่อความไม่สงบ อาจจำเป็นต้องใช้การปฏิบัติในลักษณะของตำรวจมากยิ่งขึ้น หน่วยทหารสารวัตรสามารถควบคุมประชาชนและแหล่งทรัพยากรของประเทศเจ้าบ้านได้ ซึ่งประกอบด้วย การแยกคัดเลือกบุคคล, การพิสูจน์ทราบบุคคล, การจัดทำทะเบียนควบคุม, การปราบปรามโดยใช้เคอร์ฟิวส์, การปฏิบัติการลาดตระเวนและจัดตั้งจุดตรวจ และการสืบสวนคดีอาชญากรรม
(๑๒) การดำเนินการเกี่ยวกับเชลยศึก หน่วยทหารสารวัตรดำเนินกรรมวิธี, ระวังป้องกัน และส่งกลับเชลยศึกและผู้ลี้ภัย โดยปฏิบัติตามหลักการใน รส.๑๙ - ๔๐, ตามคำสั่งของกองทัพบก และตามข้อตกลงของประเทศเจ้าบ้าน
(๑๓) การปฏิบัติการด้านการข่าวกรอง เนื่องจากการปฏิบัติของกองโจรมักจะมีส่วนคาบเกี่ยวกับอาชญากรรม ดังนั้น การปฏิบัติการแบบตำรวจของสารวัตรทหารจะสามารถพัฒนาระบบการข่าวและเครือข่ายของการข่าวได้ ซึ่งในการนี้จะสามารถผลิตข่าวกรอง และข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้
ข. การต่อสู้กับการก่อการร้าย ซึ่งประกอบด้วย.-
(๑) การรักษาความปลอดภัยวัตถุและสถานที่
(๒) การรักษาความปลอดภัยการปฏิบัติการ
(๓) การรักษาความปลอดภัยบุคคล หน่วยทหารสารวัตรจะจัดการรักษาความปลอดภัยทางภายภาพให้กับบุคคลและฐานที่มั่น ซึ่งอาจหมายรวมถึง ชุมชนที่ได้รับมอบหมายด้วย
ค. การรักษาสันติภาพ ซึ่งประกอบด้วย.-
(๑) การแสดงกำลัง
(๒) การตีโฉบฉวย
(๓) การปฏิบัติการอพยพเคลื่อนย้ายในสภาพที่มิใช่การรบ
(๔) การรักษาสันติภาพ
(๕) การช่วยชีวิตและการกู้ภัย
(๖) การสนับสนุนหน่วยงานพลเรือน
๗ - ๒๗ การจัดหน่วย
โดยทั่วไปแล้ว หน่วยระดับกรมจะได้รับหนึ่งหมวดสารวัตรทหารขึ้นสมทบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อาจมีการจัดหน่วยทหารสารวัตรจากกองร้อยสารวัตรทหารของกองพลมาขึ้นสมทบเพิ่มมากขึ้นได้ ในทำนองเดียวกันอาจมีการจัดสารวัตรทหารจากกองทัพน้อยมาขึ้นสมทบ ขนาดและการประกอบกำลังจะขึ้นอยู่กับ :
• ภารกิจและขนาดของกองกำลังเผชิญเหตุ
• ท่าทีของประชาชนในท้องถิ่น
• จำนวนและการใช้เส้นหลักการคมนาคม
• คุณภาพของเส้นหลักการส่งกำลังบำรุง, ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นเส้นทางย่อย ๆ ต่อระยะออกไป และมีจุดควบคุมมากมาย
• ความยากง่ายในการเข้าถึงสิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นถึงขั้นวิกฤติ
• จำนวนของสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสูงสุด และตำบลส่งกำลังที่ต้องการการระวังป้องกัน
• ชนิดของภูมิประเทศ
๗ - ๒๘ ชุดสุนัขทหาร
ชุดสุนัขทหารสามารถให้การสนับสนุนได้ในทุกประเภทของสภาวะความขัดแย้งระดับต่ำ สุนัขทหารมีการแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ สุนัขยามลาดตระเวน, สุนัขลาดตระเวน/ค้นหายาเสพติด และสุนัขลาดตระเวน/ค้นหาวัตถุระเบิด
ก. สุนัขยามลาดตระเวน เป็นสุนัขที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบที่สุดในบรรดาสุนัขทหาร ด้วยการประกอบกำลังและจัดให้มีการควบคุมได้ตลอดเวลา สุนัขยามเหล่านี้สามารถปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชนได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะใช้สายจูงหรือไม่ใช้ก็ตาม สุนัขยามจะปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะมีลักษณะตามธรรมชาติที่ค่อนข้างเข้ากับผู้คนได้ดี, แต่สุนัขยามก็สามารถสืบค้นและแยกแยะผู้ที่เป็นอาชญากรทั้งในภารกิจการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ และในสถานการณ์ของการปราบปรามตามกฎหมาย พวกมันจะเข้าทำร้ายบุคคลตามคำสั่งของผู้บังคับสุนัข และสามารถถูกเรียกกลับมาจากการบุกเข้าทำร้ายได้ สุนัขยามได้ถูกฝึกมาเพื่อสืบค้นและค้นหาบุคคลที่แปลกปลอม หรือไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในอาคาร หรือในพื้นที่เปิด และสุนัขยามบางตัวก็สามารถดมกลิ่นหรือสะกดรอยคนร้ายได้ สุนัขยามและผู้บังคับสุนัขจะได้รับการฝึกร่วมกันในศูนย์ฝึกสุนัขทหาร ผู้บังคับสุนัขจะได้รับการฝึกเป็นเวลา ๖ สัปดาห์ ในเรื่องการดูแลสุนัขยาม
(๑) การฝึก
(ก) พื้นฐานการเชื่อฟัง - การนั่ง, การรอ, การเดินตาม, การหมอบ และอื่น ๆ
(ข) การฝึกระเบียบแถว - การปฏิบัติตามระเบียบวินัยร่วมกับสุนัขอื่น ๆ หรือ ผู้บังคับสุนัข
(ค) การลาดตระเวน - การค้นหาในพื้นที่ป่าหรือในสนาม และการเตือนให้ผู้บังคับสุนัขได้ล่วงรู้ถึงการเข้ามาของผู้บุกรุก
(ง) การทำร้ายและการทำให้หวาดกลัว - เพื่อตอบโต้การปฏิบัติของผู้บุกรุกหรือ ฝ่ายศัตรู ตามคำสั่งของผู้บังคับสุนัขที่สั่งให้เข้าโจมตี
(จ) การค้นหาภายในอาคาร - การค้นหาภายในตัวอาคารโดยใช้สายจูงหรือ/ไม่ใช้ และเข้าโจมตีทันทีเมื่อค้นพบผู้บุกรุก
(ฉ) การสะกดรอย - การตามกลิ่นของบุคคล, ซึ่งทิ้งร่องรอยไว้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง, ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิประเทศใดก็ตาม
(ช) การปฏิบัติเมื่อเกิดการยิงปืน- ฝึกให้สุนัขทหารมีปฏิกริยาที่ไวต่อเสียงปืน โดยจะปฏิบัติในทรงตรงกันข้าม หรือหลบหลีกภัย ไม่ว่าจะเป็นเสียงปืนของผู้บังคับสุนัขหรือผู้อื่น
(ซ) การลาดตระเวนบนยานพาหนะ - ฝึกให้สุนัขยามอยู่บนยานพาหนะอย่างสงบเงียบในขณะที่ผู้บังคับสุนัขกำลังขับขี่ยานพาหนะนั้นอยู่ โดยที่สุนัขยามจะไม่แสดงอาการดุร้ายต่อผู้คนอื่น ๆ
(๒) การใช้งาน
(ก) การเข้ายาม - เดินยามหรือเคลื่อนที่ไปกับยานพาหนะ, ปฏิบัติการเมื่อเกิดสัญญาณแจ้งเตือนภัย, ตรวจสอบในพื้นที่ที่มีการระวังป้องกันอย่างเข้มงวด และอื่น ๆ
(ข) การตรวจค้นภายในอาคาร - ค้นหาผู้บุกรุกได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยมากกว่าใช้สารวัตรทหาร
(ค) การควบคุมฝูงชน - ให้อยู่นอกระยะสายตาจนกว่าจะต้องการใช้งาน, สุนัขยามเหล่านี้สามารถใช้ปฏิบัติงานได้เมื่อเกิดการเผชิญหน้ากันโดยตรง
(ง) การสะกดรอย/การลาดตระเวน - ค้นหาผู้สูญหาย, ผู้บาดเจ็บ, ผู้หลงทาง, นักโทษ, เชลยศึก หรืออาชญากรที่กำลังหลบหนี
(จ) งานด้านกิจการพลเรือน - ใช้ในการแสดงบขีดความสามารถและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประชาชน
(๓) วิธีการแจ้งเตือน
(ก) ในการตรวจค้นภายในอาคาร-ฝึกให้บุกเข้าทำร้าย, ขู่คำราม, เห่า และอื่น ๆ
(ข) การลาดตระเวน - ฝึกให้แจ้งเตือนให้ผู้บังคับสุนัขทราบถึงการเข้ามาของผู้บุกรุก โดยมิให้ผู้บุกรุกรู้สึกตัว
ข. สุนัขลาดตระเวน/ค้นหายาเสพติด สุนัขทหารประเภทนี้เป็นสัตว์ที่มีความชำนาญอย่างสูง ซึ่งภารกิจของพวกมัน คือการสืบค้นแหล่งซุกซ่อน หรือการขนย้าย กัญชา, เฮโรอีน และสารอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน สุนัขประเภทนี้เป็นสัตว์ที่มีคุณค่า ทั้งนี้เนื่องจากได้ถูกฝึกมาในขั้นแรกให้ทำหน้าที่สุนัขยาม ดังนั้น พวกมันจึงสามารถปฏิบัติงานได้เช่นเดียวกับสุนัขยาม และยังปฏิบัติงานบางอย่างได้มากกว่า สุนัขทหารประเภทนี้จะได้รับการฝึกร่วมกับผู้บังคับสุนัขที่ศูนย์ฝึกสุนัขทหาร ผู้บังคับสุนัขจะได้รับการฝึกเป็นเวลา ๔ สัปดาห์ ในเรื่องวิธีการตรวจค้น, กลิ่นของยาเสพติดที่แตกต่างกัน และคุณลักษณะของยาเสพติด, การแจ้งเตือนของสุนัข และอื่น ๆ ถึงแม้ว่าผู้บังคับสุนัขจะได้รับการฝึกอย่างช่ำชองที่ศูนย์ฝึก แต่สุนัขและผู้บังคับสุนัขจะต้องได้รับการฝึกร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำรงรักษาทักษะและความชำนาญ
(๑) การฝึก สุนัขลาดตระเวน/ค้นหายาเสพติด จำเป็นต้องได้รับการฝึกเพื่อดำรงรักษาทักษะ และความชำนาญในการปฏิบัติทุกลักษณะของสุนัขยาม และเพิ่มเติมในเรื่องการสืบค้นด้วยการ ดมกลิ่น :
• กัญชา
• เฮโรอีน
• โคเคน
• ฝิ่น
(๒) การใช้งาน สุนัขลาดตระเวน/ค้นหายาเสพติด มีทักษะและความชำนาญในทุกลักษณะการปฏิบัติของสุนัขยามลาดตระเวน และยังสามารถสืบค้นหาสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งอุปกรณ์ของฝ่ายตรงข้ามโดยใช้การปฏิบัติภารกิจเช่นเดียวกับการค้นหายาเสพติด
(๓) ภารกิจ
(ก) ภารกิจการค้นหายาเสพติดจะถูกจัดทำเป็นตารางเวลาการปฏิบัติและมอบให้กับผู้บังคับสุนัข
(ข) ชุดสุนัขทหารค้นหายาเสพติดจะเดินทางไปยังหน่วย เพื่อรับภารกิจ และรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร เพื่อดำเนินการชี้แจง บรรยายสรุป
(ค) จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการค้นหายาเสพติด
(ง) เมื่อสุนัขมีท่าทีแจ้งเตือนในบริเวณห้องใดห้องหนึ่งหรือบ่อน้ำพุหรืออื่นๆ ผู้บังคับสุนัขจะต้องรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อรับอนุมัติให้ปฏิบัติภารกิจการค้นหา หรือปฏิเสธภารกิจนั้น
(จ) หากได้รับการอนุมัติให้ทำการตรวจค้นในพื้นที่นั้น การตรวจค้นจะเริ่ม
ดำเนินการโดยใช้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา
(ฉ) หากไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการตรวจค้น, ภารกิจก็จะถูกยกเลิก
(๔) ประเภทของการแจ้งเตือน
(ก) การปฏิบัติเชิงรับ - เมื่อพบสิ่งที่ต้องสงสัย, สุนัขลาดตระเวนจะถูกฝึกให้นั่งรอ ณ จุดนั้น เพื่อรอผู้บังคับสุนัข
(ข) การปฏิบัติเชิงรุก - เมื่อพบสิ่งที่ต้องสงสัย, สุนัขลาดตระเวนจะถูกฝึกให้เข้าทึ้ง และกัดบริเวณนั้น
ค. สุนัขลาดตระเวน/ค้นหาวัตถุระเบิด สุนัขลาดตระเวนประเภทนี้จะมีประสาทสัมผัสพิเศษในเรื่องการดมกลิ่น และถูกฝึกให้สามารถแยกแยะกลิ่นของวัตถุระเบิดชนิดต่าง ๆ ได้มากมาย สุนัขลาดตระเวนประเภทนี้จะถูกคัดเลือกมาจากสุนัขยามลาดตระเวน และผ่านการฝึกพิเศษ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานที่ยากลำบากนี้ได้ สุนัขลาดตระเวนประเภทนี้และผู้บังคับสุนัขจะได้รับการฝึกเป็นชุดปฏิบัติการร่วมกัน ณ ศูนย์ฝึกสุนัขทหาร ทั้งนี้จะต้องได้รับการฝึกจนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างน้อย ๙๕ เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้น
(๑) การฝึก สุนัขลาดตระเวน/ค้นหาวัตถุระเบิด จำเป็นต้องมีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานในลักษณะของสุนัขยามลาดตระเวน และเพิ่มเติมด้วยขีดความสามารถในการค้นหาวัตถุระเบิดชนิดต่าง ๆ
(๒) การใช้งาน สุนัขลาดตระเวน/ค้นหาวัตถุระเบิด จะมีขีดความสามารถและถูกใช้งานในลักษณะเดียวกับสุนัขยามลาดตระเวน และสามารถใช้ตรวจค้นวัตถุระเบิดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานทั้งของสารวัตรทหาร และชุมชนพลเรือน สุนัขลาดตระเวนประเภทนี้ยังสามารถใช้ในภารกิจการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ, รักษาความปลอดภัยตำบลจ่าย, คุ้มกันการเคลื่อนย้ายเงิน และอื่น ๆ
(๓) ประเภทของการแจ้งเตือน ด้วยเหตุผลที่ชัดเจนหลายประการ สุนัขลาดตระเวน/ค้นหาวัตถุระเบิดจึงถูกฝึกให้ใช้การแจ้งเตือนด้วยการปฏิบัติเชิงรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น