วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การฝึก

ตอนที่ ๕


การฝึก

ในตอนที่ ๕ นี้ จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการฝึกบุคลากรในทุกขั้นของการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ประกอบด้วยแนวทางและคำแนะนำที่จำเป็นสำหรับการฝึก, เทคนิค และความต่อเนื่องในการฝึก รวมทั้งการเลือกบุคลากร, การเตรียมการของหน่วย, การปฏิบัติก่อนเคลื่อนย้ายเข้าวางกำลัง, การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ และอื่น ๆ

๔ - ๓๒ การเลือกบุคลากร

เมื่อจะต้องทำการคัดเลือกบุคลากรสำหรับภารกิจการรักษาสันติภาพนั้น ผู้บังคับบัญชาควรจะพิจารณาโดยเน้นถึงลักษณะเฉพาะตัวของภารกิจ ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้ว ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะต้องพบกับอันตรายหรือความกดดัน, ทหารจะขาดเสียไม่ได้ซึ่งความตื่นตัว และการระแวด ระวังภัย

ก. กรรมวิธีในการเลือกสรรกำลังพลนั้น ควรใช้หน่วยและบุคลากรผู้ซี่งสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมของความขัดแย้งได้ ทั้งนี้จะทำให้เกิดความแตกต่างจากการฝึกทั่ว ๆ ไปในทางทหาร ซึ่งจะประกอบด้วย การเพิ่มความสามารถในการอดกลั้น อดทน และใจเย็น กำลังพลของหน่วยจะต้องมีความสามารถในการผสมผสานการเข้าถึงจิตใจ, การเข้าใจ และการแสดงอากัปกิริยาที่ก่อให้เกิดผลทาง

กุศโลบาย ด้วยความสุภาพและหนักแน่น การแสดงออกอย่างมืออาชีพ ซึ่งเน้นหนักด้วยการทูตและความมีเหตุผลจะทำให้ได้รับการยอมรับมากกว่าการแสดงออกอย่าง หยิ่ง ยะโส, ขุ่นเคือง, รังเกียจ, ดูถูก, บังคับ หรือเยาะเย้ย กำลังพลของหน่วยจะต้องรับมือและเผชิญหน้ากับความไม่นิยมชมชอบได้ คู่กรณีแต่ละฝ่ายจะพยายามรักษาที่มั่นของตน และตอบโต้ในทำนองเดียวกันเมื่อมีการหยุดความพยายาม ในสถานการณ์เช่นนี้ วิถีทางที่ดีที่สุดก็คือ การแสดงออกซึ่งความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงเข้าฝ่ายใด

ข. การพิจารณาถึงลักษณะความเป็นผู้นำในการเลือกสรร ต้องเน้นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด นอกจากนี้ยังจะต้องแสดงออกซึ่งความเป็นผู้เคร่งครัดในหน้าที่ และความยุติธรรม สิ่งเหล่านี้จะช่วยผ่อนคลายแรงต่อต้าน และการรู้สึกถูกเหยียดหยาม แต่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น และดำรงไว้ซึ่งสภาพขวัญและกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชา กำลังพลของหน่วยจะต้องตื่นตัวและเฝ้าติดตามสถานการณ์ และเหตุการณ์ทั่วไปในพื้นที่ปฏิบัติการของตน อีกทั้งจะต้องเรียนรู้ความเป็นไปอย่างรวดเร็วในทางการเมือง, นิสัย, บุคลิกลักษณะ และขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนในท้องถิ่น

ค. กองกำลังรักษาสันติภาพ จำเป็นต้องใช้หน่วยทั้งสองลักษณะคือ หน่วยแบบถาวรและหน่วยเฉพาะกิจ ผสมผสานกัน หน่วยแบบถาวรจะประกอบด้วย นายทหารฝ่ายอำนวยการของผู้บังคับหน่วย และส่วนสนับสนุนทางการส่งกำลังบำรุง หน่วยเฉพาะกิจชั่วคราว ซึ่งเป็นหน่วยที่ประกอบด้วยกำลังทหารจำนวนมาก เป็นหน่วยทหารราบ หลายหน่วยจัดแบบเฉพาะกิจ เพื่อรับภารกิจการรักษาสันติภาพเท่านั้น โดยจะมีรูปแบบลักษณะต่าง ๆ กัน ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้เลือกออกแบบการจัดหน่วยเพื่อปฏิบัติภารกิจการรักษาสันติภาพ โดยใช้การจัดหน่วย, การประกอบกำลัง, ขีดความสามารถ และหน่วยที่ได้รับมอบที่มีอยู่ ส่วนสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงนั้นจะเป็นการผสมกำลังกันระหว่างเจ้าหน้าที่พลเรือน และบุคลากรทางทหาร วงรอบการปฏิบัติงานตามปกติสำหรับหน่วยแบบถาวรจะเป็นเวลาหนึ่งปี และสำหรับหน่วยแบบเฉพาะกิจชั่วคราวจะเป็นเวลา ๑๘๐ วัน เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นหน่วย และการคุ้นเคยในการปฏิบัติงานร่วมกัน จึงใช้การผลัดเปลี่ยนหน่วยแบบเฉพาะกิจชั่วคราว โดยเปลี่ยนทั้งหน่วย และไม่ใช้การผลัดเปลี่ยนเป็นบุคคล

ง. การรักษาสันติภาพ จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีการแสดงออกและการปฏิบัติเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่แตกต่างจากสภาพทั่วไปในสนามรบ การปรับเปลี่ยนดังกล่าว จะต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกับการทำงานในลักษณะของสันติวิธี มากกว่าการปฏิบัติแบบใช้ความ รุนแรง

๔ - ๓๓ การฝึกเตรียมการก่อนเคลื่อนกำลังเพื่อใช้งาน

เพื่อให้สำเร็จภารกิจการรักษาสันติภาพ กำลังพลและหน่วยต่าง ๆ จะต้องได้รับการฝึกในทักษะต่าง ๆ ตลอดจนเทคนิคหลายประการ ก่อนการใช้กำลังเข้าปฏิบัติภารกิจ ความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้กำลังทหารรักษาสันติภาพเข้ารับภารกิจการกำกับดูแล การหยุดยิงนั้น มักจะทำให้ขาดเวลาในการเตรียมการที่พอเพียง แต่การฝึกกำลังพลและหน่วยนั้น จำเป็นต้องปฏิบัติก่อนการเคลื่อนย้ายกำลังเข้าปฏิบัติภารกิจ ลักษณะผู้นำที่ดีเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในทุกระดับหน่วย ตั้งแต่ผู้บังคับหน่วย จนถึงผู้นำหน่วยในระดับล่าง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ ทักษะ, การจินตนาการ, ความอ่อนตัว, ความสามารถในการปรับตัวและความอดทน การฝึกจะเน้นหนักในเรื่องทักษะในทางทหารเป็นบุคคล ซึ่งใช้เวลาการฝึกทบทวนประมาณ ๒ สัปดาห์ สำหรับผู้ที่เคยผ่านการเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจการรักษาสันติภาพมาแล้ว

ก. ในการเตรียมการเพื่อภารกิจการรักษาสันติภาพ กองกำลังทหารต้องการได้รับการฝึกพิเศษที่มุ่งเน้นเฉพาะภารกิจก่อนการเคลื่อนย้ายกำลังเข้าปฏิบัติภารกิจดังกล่าว จุดมุ่งหมายหลักของการฝึกทุกครั้งก็คือการมุ่งเน้นให้หน่วยสามารถปฏิบัติงานในลักษณะร่วมกันกับหน่วยทหารนานาชาติ หรือเป็นกองกำลังผสมระหว่างหน่วยหลายหน่วย หน่วยจำเป็นต้องเข้าใจสถานะและบทบาทของตน, เป้าหมาย และการใช้กำลังของตนในภารกิจที่เหมาะสม

ข. ผู้นำหน่วยทุกระดับต้องเข้าใจภารกิจ และสามารถจัดทำแนวทางการปฏิบัติได้อย่างชัดเจน เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ต้องการ หน่วยควรจะดำเนินการฝึกระหว่างการเตรียมการภายในประเทศของตน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ากำลังพลภายในหน่วยเข้าใจถึงเหตุผลของการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ

ค. การฝึกกำลังพล ควรจะพยายามเน้นเรื่องความใจเย็นเป็นผู้อดทน, ความอ่อนตัว, วินัย, ความเป็นทหารอาชีพ, ความไม่ลำเอียง, กลวิธี และความเป็นผู้ใฝ่รู้ในสถานการณ์ความเป็นไป

(๑) ความใจเย็นอดทน นอกเหนือไปจากวิกฤตการณ์แล้ว จะไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความกระตือรือร้นที่จะผลักดันให้เกิดความเจรจาด้วยสันติวิธี อาจจะเป็นเครื่องมือชี้ขาดในความสำเร็จของภารกิจ สิ่งนี้เป็นความจริงทั้งในระดับสูงและในระดับล่าง ซึ่งมักใช้การแก้ปัญหาในระดับท้องถิ่นด้วยการเจรจาตกลงของนายทหารในระดับกองร้อยและนายสิบอาวุโส

(๒) ความอ่อนตัว กำลังพลจะต้องทบทวนปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เกิดปัญหาและต้องใช้ความฉลาดหลักแหลมเพื่อสำรวจหาหนทางปฏิบัติหรือหนทางการแก้ปัญหา ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการปฏิบัติที่รุนแรง หรือนอกเหนืออาณัติข้อบังคับ

(๓) วินัย ความสง่างาม, ความตื่นตัว, ความเป็นผู้มีลักษณะทหาร, การประพฤติตนที่เหมาะสม ทั้งในและนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตลอดจนความสุภาพอ่อนโยน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งช่วยเหลือค้ำจุนเกียรติภูมิของกองกำลังรักษาสันติภาพ หากกองกำลังได้รับความเชื่อถือและยกย่องจากประเทศคู่กรณีแล้ว คู่กรณีเหล่านั้นก็จะเชื่อฟังคำแนะนำและยอมรับอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ ความเป็นผู้มีระเบียบวินัยดี จะช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานตามภารกิจ

(๔) ความเป็นทหารอาชีพ ความสำนึกในหน้าที่ของทหารอาชีพ จะช่วยสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติกิจกรรมทุกกิจกรรม หากการสังเกตการณ์ของกองกำลังรักษาสันติภาพ และการปฏิบัติต่าง ๆ เป็นที่เลื่องลือและยอมรับว่าถูกต้องเที่ยงธรรมแล้ว ประเทศคู่กรณีก็จะมีแนวโน้มในการยอมรับมติและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

(๕) ความไม่ลำเอียง ในการทำสัญญาและข้อตกลงทุกครั้ง กองกำลังรักษาสันติภาพจะต้องรักษาไว้ซึ่งสถานะและภาพลักษณ์ของความเป็นกลาง นายทหาร และนายสิบ พลทหารจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ว่าจะปฏิบัติกับฝ่ายใดก็ตาม การโต้เถียง โต้แย้งกันนอกเหนือจากบันทึกหรือหมายเหตุ ย่อมนำไปสู่อุปสรรคของการปฏิบัติงาน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมนำไปสู่ความต้อง การของคู่กรณี ในอันที่จะนำกำลังทหารเข้าเผชิญหน้ากัน เมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่นว่า กองกำลังรักษาสันติภาพจะมีความเป็นกลางจริงหรือไม่

(๖) กลวิธี กำลังทหารของฝ่ายคู่กรณี ย่อมมีความล่อแหลมเป็นอย่างยิ่งต่อความหวาดระแวง กำลังกึ่งทหารยิ่งมีความอ่อนไหวและล่อแหลมที่จะตอบโต้การปฏิบัติมากกว่า ทั้งนี้เนื่องจากการจัดหน่วยและการจัดกำลังที่ไม่เหมือนกับกำลังทหารตามแบบ การเข้าแก้ไขปัญหา และการปฏิบัติงาน จำเป็นต้องใช้กลวิธีเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม กลวิธีดังกล่าวนี้จะต้องตั้งมั่นอยู่ในความซื่อตรงต่อหน้าที่และความถูกต้อง

(๗) ความเป็นผู้ใฝ่รู้ในสถานการณ์ความเป็นไป ผู้บังคับบัญชาจะต้องตั้งคำถามด้วยความระมัดระวังและรอบคอบทุกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตน กิจวัตรประจำวันของทหารจะต้องไม่เป็นไปอย่างหละหลวมหรือประมาทจนเกินไป เหตุการณ์ย่อยๆ อาจดำเนินไปโดยปราศจากการสังเกตเห็น ซึ่งจะกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่โตในอนาคต เมื่อเปรียบเทียบในมุมมองของผู้สังเกตการณ์อื่น ๆ

ง. สาระสำคัญในการฝึกเพื่อรับภารกิจการรักษาสันติภาพ นั่นก็คือ การเข้าใจว่ากองกำลังรักษาสันติภาพเป็นเป้าหมายของการข่าวกรองจากต่างชาติ แผนงานการต่อต้านข่าวกรองที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งก็คือ การเน้นในเรื่อง การรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และการรักษาความปลอดภัยทางการติดต่อสื่อสาร

๔ - ๓๔ การเพิ่มทักษะทางยุทธวิธี

การฝึกจะต้องเป็นการเพิ่มทักษะทางยุทธวิธีให้กับหน่วยทหารรักษาสันติภาพ ทักษะพื้นฐานทางทหาร จะต้องถูกนำมาเน้นย้ำในสภาพแวดล้อมในสนาม ซึ่งรวมถึงการฝึกปฏิบัติกิจเฉพาะเป็นหน่วยขนาดเล็ก วินัยของทหารเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ต้องตระหนัก ทั้งนี้เนื่องจากความเครียดและความกดดันที่เกิดจากสภาพแวดล้อม การปฏิบัติตาม รปจ. ที่มักถูกขัดขวางด้วยอุปสรรคและความเป็นไปได้ทุกขณะที่จะเกิดกรณีพิพาทกัน แผนงานการฝึกจึงควรจะต้องประกอบด้วยทักษะในทางทหาร ดังต่อไปนี้.-

• การปฏิบัติของจุดตรวจ และที่ตรวจการณ์

• การลาดตระเวน

• การอ่านแผนที่

• การพิสูจน์ทราบ และพิสูจน์ฝ่ายเกี่ยวกับอาวุธและยุทโธปกรณ์

• ขนบธรรมเนียมประเพณี, ภาษา, อุปนิสัย, ศาสนา และบุคลิกลักษณะของ ประชาชนในท้องถิ่น

• การฝึกพลซุ่มยิง

• การดำรงชีพในสภาพแวดล้อม

• การปฐมพยาบาล

• กฎของการปะทะ

• การฝึกปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ

• เทคนิคการสลายฝูงชน

• เทคนิคการตรวจค้นและจับกุม

• ข้อพิจารณาทางด้านกฎหมาย

• การยุทธ์เคลื่อนที่โจมตีทางอากาศ

• การค้นหา, พิสูจน์ทราบ และรื้อถอนวัตถุระเบิด (ทุ่นระเบิดและกับระเบิด)

• สุขาภิบาลในสนาม และอนามัยส่วนบุคคล

• การติดต่อสื่อสาร

• กิจการพลเรือนในทางทหาร

• การฝึก นิวเคลียร์, ชีวะ, เคมี

• การปฏิบัติการในเวลากลางคืนและการใช้อุปกรณ์ช่วยตรวจการณ์ในเวลากลางคืน

• การฝึกปฏิบัติการรบในเมือง

• การฝึกพลขับ

(ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ใน รส.๗-๘, ๗–๑๐ และ ๗–๒๐)

๔ - ๓๕ การสังเกตการณ์ และการรายงาน

ระบบงานการสังเกตการณ์ และการรายงานเหตุการณ์ของกองกำลังรักษาสันติภาพ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทั้งนี้เนื่องจากสองสิ่งนี้เป็นภารกิจหลัก

ก. การฝ่าฝืนละเมิดข้อตกลง อาจไม่ปรากฏชัดเจนออกมาให้เห็น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเน้นความสำคัญของการรายงานเหตุการณ์อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงเมื่อได้มีการรวบรวมรายงานที่กองบัญชาการแล้ว ทั้งหมดก็จะสร้างให้เห็นภาพของการปฏิบัติภายในพื้นที่หรือเขตรับผิดชอบ การแปรภาพที่ปรากฏให้เห็นเป็นเจตนาของการปฏิบัตินั้น ต้องอาศัยร่องรอยและการประมวลเหตุการณ์หลายเหตุการณ์เข้าด้วยกัน กำลังพลของหน่วยทหารรักษาสันติภาพจะต้องรู้จักแบบฟอร์มมาตรฐานในการรายงานเหตุการณ์, รายงานการโจมตีด้วยการยิง, รายงานการบินผ่านเขต และรายงานการตรวจการณ์พบอากาศยาน นอกจากนี้ทหารรักษาสันติภาพจะต้องได้รับการฝึกฝนให้สามารถจดจำและพิสูจน์ฝ่ายยานรบหุ้มเกราะและยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ในการฝึกควรพิจารณานำเครื่องช่วยฝึกต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ เช่น ภาพสไลด์ขนาด ๓๕ มม., หุ่นจำลอง และแผ่นภาพต่าง ๆ

ข. การฝึกกำลังพลเพื่อปฏิบัติภารกิจตามที่ตรวจการณ์เป็นเรื่องสำคัญ ที่ตรวจการณ์เป็นที่มั่นของหน่วยขนาดเล็ก ซึ่งหน่วยทหารขนาดเล็กจะต้องเรียนรู้วิธีการออกแบบและจัดตั้งที่ตรวจการณ์และจุดตรวจ รวมทั้งระเบียบปฏิบัติประจำภายในที่ตรวจการณ์และจุดตรวจนั้น หน่วยอาจจำเป็นต้องเข้าปฏิบัติภารกิจประจำ ณ ที่ตรวจการณ์ หรือจุดตรวจเป็นระยะเวลาหลายวัน โดยแยกออกมาอยู่โดดเดี่ยวห่างจากหน่วยใหญ่ กำลังพลในที่ตรวจการณ์อาจใช้ทหารจากหลายชาติปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้เกิดความยุ่งยากในสถานการณ์

(๑) ระเบียบปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัย ณ ที่ตรวจการณ์ ประกอบด้วย การเตรียมพร้อมในเวลาเริ่มแสงทางทหาร (ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น) และในเวลาสิ้นแสงทางทหาร (ภายหลังดวงอาทิตย์ตก) การลาดตระเวนรอบ ๆ ที่ตรวจการณ์จะต้องมีการแจ้งเตือนให้ทราบโดยเร็ว และทันทีภายหลังการเตรียมพร้อม

(๒) กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจ ที่ควบคุมถนนมากกว่าหนึ่งสาย จะต้องได้รับการฝึกสอนให้สามารถชะลอความเร็วของยานพาหนะและตรวจดูภายในรถโดยไม่ต้องใช้การหยุดรถการปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้มีเวลาพอเพียงที่จะสังเกตการณ์ และรายงานผ่านของยานพาหนะจากพื้นที่เขตหนึ่งไปยังอีกเขตหนึ่งได้

(๓) ยานพาหนะและกำลังพลที่ผ่านเข้า – ออก ในฐานที่มั่นทางทหาร จะต้องถูกสั่งให้หยุดและตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายและกระสุนวัตถุระเบิด กำลังพลของหน่วยทหารรักษาสันติภาพจะต้องเรียนรู้วิธีการตรวจค้นอย่างละเอียดและละมุนละม่อม โดยไม่ใช้การกระทำที่รุนแรงหรือหักหาญ

๔ - ๓๖ ระเบียบปฏิบัติในการติดต่อสื่อสาร

การติดต่อสื่อสาร เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่จะทำให้ทราบถึงความเป็นไปในสถานการณ์ต่าง ๆ ปัญหาที่ว่าจะจัดเครื่องมือและระบบการติดต่อสื่อสารให้กับกองกำลังจำนวนเท่าใดจึงจะพอเพียง ก่อนการเคลื่อนย้ายกำลังนั้นเป็นปัญหาที่ยากแก่การตอบ ทั้งนี้เนื่องจากส่วนใหญ่จะขี้นอยู่กับเหตุการณ์และปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องใช้การปฏิบัติการ ในพื้นที่ปฏิบัติการแห่งหนึ่งอาจเกิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนมากมาย ในสถานการณ์อื่น ๆ หรือในพื้นที่แห่งอื่น ๆ อาจเกิดปัญหาขึ้นภายในพื้นที่ตัวเมือง ในบางครั้งการติดต่อสื่อสารด้วยเครื่องมือทางทหารอาจไม่เป็นการเพียงพอ ระเบียบปฏิบัติมักจะต้องถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะว่าระเบียบปฏิบัติเหล่านั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

๔ - ๓๗ การศึกษาภาษา

ผู้นำหน่วยทุกระดับจะต้องได้รับการศึกษาอบรมในเรื่องภาษาขั้นพื้นฐาน และสำนวนหรือวลีสั้น ๆ ที่มักใช้กับในประเทศเจ้าบ้าน ที่กองกำลังรักษาสันติภาพต้องเข้าปฏิบัติภารกิจ ผู้บังคับบัญชาของหน่วยจะต้องประสานงานขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญภาษาจากกองบัญชาการของหน่วยเหนือที่มีหน่วยทหารการข่าวอยู่ในอัตราการจัด การสนับสนุนตามปกติแล้วจะประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ซักถาม ซึ่งมีทักษะในภาษาท้องถิ่น ตลอดจนขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์ ผู้บังคับหน่วยทหารรักษาสันติภาพจะใช้เจ้าหน้าที่ซักถามในการ แปล, การสื่อความหมาย, การเจรจา และการฝึก กิจกรรมการฝึกของกองกำลังรักษาสันติภาพจะรวมถึงการฝึกกำลังทหารในเรื่องภาษาพื้นฐาน และประเพณีวัฒนธรรมในพื้นที่ปฏิบัติการ

๔ - ๓๘ การฝึกสงครามทุ่นระเบิด

การฝึกโดยใช้หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด ส่วนแยกที่มาจากหน่วยทหารช่างจะทำให้กำลังพลได้รับความรู้เกี่ยวกับทุ่นระเบิดแบบต่าง ๆ และกับระเบิดแบบแสวงเครื่อง ซึ่งมีทั้งที่ผลิตใน โซเวียต, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมัน, อิตาลี และสหรัฐอเมริกา วัตถุประสงค์หลักของการฝึกนี้ก็คือ เพื่อทำให้กำลังพลสามารถจดจำ พิสูจน์ทราบ และรายงานเกี่ยวกับวัตถุระเบิด ตลอดจนตระหนักอยู่เสมอว่าทุ่นระเบิดนั้นไม่ว่าจะถูกค้นพบในเวลาใด หรือถูกฝังทิ้งอยู่นานเท่าใด ก็พร้อมที่จะทำงานได้ตลอดเวลา สาระสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เพื่อให้กำลังพลได้เรียนรู้วิธีการถอนตัวออกจากสนามทุ่นระเบิดได้อย่างปลอดภัย



๔ - ๓๙ การฝึกสอนวิชา นิวเคลียร์, เคมี, ชีวะ

การฝึกสอนวิชา นิวเคลียร์, เคมี, ชีวะ เพื่อให้รู้ถึงวิธีการใช้อาวุธ นชค. และการปฏิบัติตนในสถานการณ์ที่มีการใช้ นชค. ได้อย่างถูกวิธีนั้น เป็นสิ่งสำคัญมากในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพทุกครั้ง ทหารรักษาสันติภาพจะต้องเรียนรู้ถึงชนิดของสารเคมีต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้งานได้ ทหารจะต้องปฏิบัติได้อย่างถูกวิธีทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตของตน และชีวิตของพลเรือน ตลอดจนกำลังพลของฝ่ายคู่กรณี

๔ - ๔๐ การฝึกเพื่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติภารกิจ

เมื่อกองกำลังรักษาสันติภาพได้ถูกใช้ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อการเข้ากั้นกลางในระหว่างกำลังทหารของคู่กรณี จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยจะต้องได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าเล็กน้อย เพื่อที่หน่วยได้เวลาในการฝึกเตรียมการบ้าง

ก. เมื่อกองกำลังได้ถูกจัดตั้งขึ้น หน่วยที่เข้ามาประกอบกำลังกันสามารถใช้การหมุนเวียนสับเปลี่ยนได้ตามวงรอบ หน่วยที่ได้รับการเลือกให้ปฏิบัติก่อนล่วงหน้าจะได้รับเวลาสำหรับเรียนรู้เทคนิคการปฏิบัติเพื่อภารกิจการรักษาสันติภาพ

ข. เมื่ออยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการ กองกำลังรักษาสันติภาพอาจมีเวลาเพียงเพื่อการปฐมนิเทศและการฝึกเพิ่มเติมจากหน่วยที่ได้ถูกผลัดเปลี่ยน การฝึกจะต้องได้รับการจัดการ, วางแผน และดำเนินการก่อนการเคลื่อนย้ายเพื่อใช้กำลัง ขึ้นอยู่กับเวลาที่มีและทรัพยากรที่ใช้ได้ การฝึกภายในพื้นที่ปฏิบัติการอาจถูกจำกัดด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศคู่กรณี

ค. ผู้บังคับหน่วยจะต้องเน้นย้ำให้กองกำลังปฏิบัติตัวเป็นกลางอย่างคงที่ กองกำลังและทหารของทั้งสองฝ่ายคู่กรณี ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดการสูญเสียหรือบาดเจ็บของกำลังพล ทั้งนี้อาจทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกล่าวหาว่ากองกำลังรักษาสันติภาพเลือกปฏิบัติให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความได้เปรียบ และหากกองกำลังได้สูญเสียภาพลักษณ์ของความเป็นกลางแล้ว ขีดความสามารถและ คุณประโยชน์ของกองกำลังก็จะลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตามการติดต่อพบปะกับหน่วยทหารของคู่กรณีจะเป็นประโยชน์เมื่อใช้การปฏิบัติการร่วมกันเพื่อให้เกิดความสำเร็จในงานร่วมกัน ด้วยวิธีการใช้หน่วยขนาดเล็กระหว่างชาติผสมกันปฏิบัติหน้าที่, การใช้คณะเจ้าหน้าที่นายทหารนานาชาติหลาย ๆ ชุดปฏิบัติงานแข่งขันกัน, การประชุม และการพบปะสังสรรค์

ง. ผู้นำในระดับนายทหารชั้นผู้น้อยและระดับนายสิบจะต้องได้รับการจูงใจ ในสถานการณ์ตึงเครียดสูงสุดเท่านั้นที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจำเป็นต้องใช้การมอบอำนาจตัดสินใจแก้ไขปัญหาแบบเร่งด่วน มาตรฐานของผู้นำหน่วยระดับสูงสุดจะต้องถูกนำมาใช้ทั้งในระหว่างการปฏิบัติงานและการฝึก เพื่อเป็นการช่วยพัฒนาคุณลักษณะของความเป็นผู้นำในหน่วยระดับล่าง เช่น หมู่ ตอน หมวด การเน้นย้ำถึงหน้าที่จะต้องกระทำตั้งแต่เริ่มแรกของการฝึก และการฝึกหน่วยจะต้องใช้การปฏิบัติงานเป็นชุดให้มากที่สุด

จ. ผู้บังคับหน่วยจะต้องดำเนินการฝึก เพื่อให้หน่วยได้มีโอกาสปฏิบัติภารกิจพื้นฐานของตน เมื่อไม่ได้ร่วมปฏิบัติในภารกิจการรักษาสันติภาพด้วย ดังนั้น หน่วยจะต้องประสานการปฏิบัติในเรื่องการฝึกทักษะพื้นฐานทางทหาร และยุทธวิธีของหน่วยทหารขนาดเล็ก เพื่อให้อยู่ในระเบียบปฏิบัติประจำวัน เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านการเมือง การฝึกลักษณะนี้จึงจำเป็นต้องมีความอ่อนตัว และใช้การจินตนาการเพื่อป้องกันมิให้กำลังทหารของฝ่ายคู่กรณีเกิดความหวาดระแวง

๔ - ๔๑ ขวัญ, วินัย และธุรการกำลังพล

ผู้นำหน่วยทหารขนาดเล็กจะมีความรับผิดชอบในภารกิจการรักษาสันติภาพวันละ ๒๔ ชั่วโมง ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ, ขวัญ และการฝึกหน่วยของตนเอง ในระหว่างการรักษาสันติภาพ ผู้นำหน่วยทหารขนาดเล็กจะมีความรับผิดชอบต่อกำลังพลทั้งหมดที่ต้องอยู่ภายใต้สภาวการณ์ที่นำพาไปสู่ความเบื่อหน่ายจำเจ ความสำเร็จของภารกิจจึงต้องขึ้นอยู่กับลักษณะความเป็นผู้นำ และความริเริ่มในการนำหน่วยเข้าปฏิบัติการ โดยในขณะเดียวกันจะต้องดำรงรักษาขวัญของกำลังพลภายในหน่วยไว้ด้วย

ก. ถึงแม้ว่าการฝึกดำรงชีพในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง จะดำเนินการได้ค่อนข้างยากเมื่อไม่ได้อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการจริงก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกพื้นที่ที่มีความใกล้เคียง สามารถทดแทนได้ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถใช้ทำการฝึกในขั้นพื้นฐานเบื้องต้นได้ และนำไปสู่การขยายผลการฝึกต่อเมื่อเคลื่อนย้ายกำลังเข้าปฏิบัติงานหรือรับภารกิจในพื้นที่

ข. การเคลื่อนย้ายกำลังพลและสิ่งอุปกรณ์ นับเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับหน่วยที่ต้องเข้ารับภารกิจในพื้นที่ที่มีความกว้างใหญ่ การเคลื่อนย้ายทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์คงใช้เทคนิควิธีการปฏิบัติเช่นเดียวกับการปฏิบัติการยุทธ์เคลื่อนที่โจมตีทางอากาศ (แผนการบรรทุก, เทคนิคการใช้ชุดนำทาง และการใช้วิธียึดตรึงสัมภาระ)หน่วยมักจะถูกเคลื่อนย้ายโดยทางอากาศเข้าและออกจากที่ตรวจการณ์และจะต้องรู้วิธีการนำพายุทโธปกรณ์ไปกับเฮลิคอปเตอร์ การฝึกเจ้าหน้าที่นำเฮลิคอปเตอร์เข้าพื้นที่ส่งลงก็นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งและจะต้องมีการเน้นย้ำการซ่อมบำรุงยานพาหนะและอากาศยาน หากการเคลื่อนย้ายต้องมีการชะงักหรือเกิดอุปสรรคเนื่องจากการซ่อมบำรุงที่ไม่ดีพอแล้ว ความสำเร็จของภารกิจอาจถูกทำลายลงได้

ค. สุขอนามัยส่วนบุคคล, การรักษาพยาบาล, การช่วยเหลือดูแลตนเอง และสุขศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ที่ตรวจการณ์และจุดตรวจอาจอยู่ห่างไกลจากสถานรักษาพยาบาล และอาจอยู่ในพื้นที่ที่มีโรคภัยไข้เจ็บชุกชุม ซึ่งอาจทำให้กำลังพลต้องประสบความล้มเหลวในภารกิจ กำลังพลจะต้องต้องออกปฏิบัติภารกิจในแต่ละวันไม่ว่างเว้น ดังนั้นจึงต้องดูแลรักษาร่างกายให้สะอาดปราศจากเชื้อโรค, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อทางเดินอาหาร

ง. รปจ. สำหรับภารกิจการรักษาสันติภาพเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้จะต้องประกอบด้วยแบบฟอร์มการรายงาน และระเบียบปฏิบัติ, กฎของการปะทะ, ระเบียบปฏิบัติสำหรับที่ตรวจการณ์และจุดตรวจ และ รปจ.ในการส่งกำลังบำรุง รปจ.ดังกล่าวข้างต้นยังอาจหมายรวมถึง วิธีการตรวจค้นยานพาหนะ, ภารกิจทางการแพทย์, การร้องขอการส่งกลับ, บัญชีรายชื่อบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้า – ออกได้ภายในที่มั่นของหน่วยทหารรักษาสันติภาพและข้อห้ามหรือข้อจำกัดในการติดต่อกับทหารหรือประชาชนในท้องถิ่น รปจ.ที่ถูกจัดทำขึ้นมา จะต้องมีความสอดคล้องกับคู่มือการปฏิบัติงานของกองบัญชาการหน่วยเหนือ

จ. ภารกิจการรักษาสันติภาพเป็นภารกิจที่น่าจะครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ทั่วไปไว้แทบทั้งหมด เนื่องจากความจริงในข้อนี้ หน่วยงานต่าง ๆ ภายในท้องถิ่นและองค์กรอื่น ๆ มักจะจับตาเฝ้าดูกำลังทหารรักษาสันติภาพ ดังนั้นทหารภายในกองกำลังจึงต้องแสดงออกถึงความใส่ใจในสถานการณ์ความเป็นไป, มีความพร้อมปฏิบัติการ และเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ กำลังพลที่ต้องเข้าประจำอยู่ในที่ตรวจการณ์และจุดตรวจ อาจเกิดความเบื่อหน่ายจำเจต่อการปฏิบัติภารกิจประจำวัน อย่างไรก็ตาม การใช้ความเป็นผู้นำริเริ่มดำเนินการจัดการเรื่องต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจและขจัดสิ่งจำเจซ้ำซาก เป็นวิธีการที่ใช้ได้ผล การหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลังพลเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในที่ตรวจการณ์และจุดตรวจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวออกจากพื้นที่ สามารถขจัดอาการเบื่อหน่ายดังกล่าวออกไปได้

ฉ. ลักษณะธรรมชาติของภารกิจ ต้องการความมีวินัยในระดับมาตรฐานสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสำนึกในวินัยด้วยตนเอง ความสำนึกดังกล่าวเป็นสภาวะทางจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ ผู้บังคับหน่วยทุกระดับต้องตระหนักถึงความสำคัญของการปลูกฝังความมีวินัยที่ดีในระหว่างการฝึก โดยต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษในเรื่องต่อไปนี้.-

(๑) การชี้แจงสรุป ที่ให้ข่าวสารความเป็นไปที่ถูกต้องแก่กำลังพล

(๒) การออกคำสั่งที่ชัดเจน, สั้น รัดกุม และง่ายแก่การเข้าใจ

(๓) การดูแลรักษา ปรนนิบัติบำรุง ซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ และเครื่องแบบอย่างสะอาดถูกวิธี ได้มาตรฐาน

(๔) การโน้มน้าวชักจูงใจให้กำลังพลดำรงรักษาไว้ซึ่งความมีวินัยสูงสุด

๔ - ๔๒ การฝึกปฏิบัติการรักษาสันติภาพในที่ตั้ง

การรักษาสันติภาพจำเป็นต้องมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลังพลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ก่อนเข้ารับภารกิจการรักษาสันติภาพ จะต้องดำเนินการจัดการฝึกเพื่อให้ทหารมีสภาพความพร้อมรบและพร้อมปฏิบัติภารกิจ และภายหลังที่กลับจากภารกิจการรักษาสันติภาพแล้ว ผู้บังคับหน่วยจะต้องวางแผนให้มีการฝึกเพื่อทบทวนและฟื้นฟูกำลังพลของหน่วยให้กลับเข้าสู่สถานภาพความพร้อมรบ ทั้งนี้เนื่องจากสภาพความพร้อมปฏิบัติภารกิจการรบจะถูกบั่นทอนลงไปในระหว่างการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพโดยธรรมชาติ ผู้บังคับหน่วยจะต้องวางแผนงานการฝึกเพื่อทำให้หน่วยของตนกลับเข้าสู่มาตรฐานของความพร้อมรบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น