วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การวางแผน

ตอนที่ ๔


การวางแผน

การปฏิบัติการรักษาสันติภาพส่วนมากจะอยู่ในความควบคุมของ UN และส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่กระจ่างชัด ซึ่งจะมีผลทำให้กองกำลังรักษาสันติภาพอยู่ในความตึงเครียด และ อาจใช้ความรุนแรงโดยไม่ได้อยู่ในฐานะคู่กรณี ผู้บังคับบัญชาจึงจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบในการวางแผน

๔ - ๒๕ ปัจจัยทางด้านการเมือง

ผู้บังคับบัญชาจะต้องเข้าใจถึงอิทธิพลของปัจจัยทางการเมือง ที่ส่งผลต่อการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี ในการรักษาสันติภาพ จะสังเกตเห็นได้ว่า กฎของการปะทะ, เสรีในการเคลื่อนที่ และพื้นที่ปฏิบัติการจะถูกกำหนดออกมาโดยขั้นตอนและกรรมวิธีทางการเมือง บ่อยครั้งทีเดียวที่การเมืองได้จำกัดขอบเขตในการปฏิบัติภารกิจของผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับหน่วยระดับยุทธวิธีนั้น จะต้องปรับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำแนะนำ และยังจะต้องให้ข่าวสารกับสายการบังคับบัญชาในเรื่องการใช้หน่วยทางยุทธวิธี ซึ่งเป็นไปตามการตกลงใจทางการเมือง ผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางการทหารจะต้องระมัดระวังและตระหนักในแง่คิดและปัญหาของแต่ละฝ่าย

ก. ภารกิจการรักษาสันติภาพ จะถูกดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่อธิบายขอบเขตของการปฏิบัติในภารกิจ ผู้ให้การสนับสนุนและอุปถัมภ์ มักจะประกอบขึ้นจากประเทศหลายประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะมีบทบาทในความเป็นกลาง แต่ทุกประเทศต่างก็มีแนวความคิดเป็นของตนเองว่าต้องการจะให้กองกำลังรักษาสันติภาพปฏิบัติอย่างไร อีกทั้งข้อตกลงจะกำหนดกรอบของอำนาจหน้าที่ของกองกำลังไว้มิให้ปฏิบัติเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาแล้ว ข้อตกลงที่กำหนดขึ้น อาจถูกตีความหรือแปรเจตนาเป็นอื่นโดยฝ่ายคู่กรณี และประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจประเทศอื่น ๆ

ข. ปัจจัยทางการเมืองอีกข้อหนึ่ง ได้แก่ กฎของการปะทะ ซึ่งจะต้องระบุไว้ชัดเจน เข้าใจง่ายด้วยภาษาที่เป็นมาตรฐาน กฎหลักสำคัญ ๒ ประการ คือ : ใช้กำลังให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น และรักษาความเที่ยงธรรมเป็นกลางไว้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ การใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติการแตกหักจะถูกนำมาใช้เฉพาะในกรณีที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดเท่านั้น (การป้องกันตน) หรือเป็นวิธีการสุดท้ายในเมื่อใช้วิธีการอื่น ๆ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ

ค. ผู้บังคับบัญชาจะต้องพิจารณาถึงสภาวะทางเศรษฐกิจ การปฏิบัติของ UN นั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือและการประสานกัน ระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมองค์กร สหรัฐอเมริกาได้เคยสนับสนุนทรัพยากรและการขนส่งให้กับ UN โดยไม่คิดมูลค่า แต่ในอนาคตอาจไม่เป็นเช่นนั้น นโยบายต่าง ๆ จึงอาจต้องถูกนำมาทบทวนพิจารณากันอีกครั้ง เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจ

ง. หลักความเป็นจริงต่าง ๆ และสมมติฐานอาจเปลี่ยนแปลงไป หากเป็นเช่นนั้น ก็อาจส่งผลกระทบถึงภารกิจการรักษาสันติภาพ ซึ่งอาจทำให้ต้องถอนกองกำลังรักษาสันติภาพออกจากพื้นที่

๔ - ๒๖ แนวทาง

ในการวางแผนปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ผู้วางแผนจะต้องพิจารณาส่วนประกอบมากมายหลายประการ ซึ่งได้แก่ ปัจจัยทางการเมือง, โครงสร้างของกำลัง, การควบคุมและการบังคับบัญชา, การเพิ่มเติมกำลัง/การสับเปลี่ยน, การซ่อมบำรุงและการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์, แผนการถอนตัวฉุกเฉิน, นโยบายด้านอาวุธ และกฎของการปะทะ, นโยบายของรัฐ, การสนับสนุนด้านขวัญและสวัสดิการ, การใช้เทคโนโลยี และการป้องกันกำลังทหาร

ก. ปัญหาของการรวมกำลังทหารหลายชาติในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง และไม่เป็นมิตร และด้วยขีดจำกัด หรือข้อจำกัดในเสรีการปฏิบัติ อาจนำไปสู่ความบาดหมางกัน ผู้บังคับบัญชาจะต้องศึกษาประวัติศาสตร์และบทเรียนจากปฏิบัติการรักษาสันติภาพครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา ทั้งนี้จะต้องคาดหมายว่าจะพบปัญหาต่าง ๆ เมื่อเริ่มปฏิบัติการครั้งใหม่ อำนาจหน้าที่ของกองกำลัง ซึ่งกำหนดกฎเกณฑ์การปฏิบัติการ อาจเปลี่ยนไปตามรูปแบบของการปฏิบัติและความจำเป็น แนวทางซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้กับกองกำลังรักษาสันติภาพในทุกสถานการณ์ มีดังนี้.-

(๑) กำลังพลทุกคนจะต้องเข้าใจภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพ

(๒) กำลังพลทุกคนจะต้องได้รับฟังการชี้แจง สรุปถึงสถานการณ์ทางการเมืองและทางการทหาร ประเพณีและศาสนาของประชาชน และจะต้องได้รับทราบสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป

(๓) กำลังพลทุกคนจะต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับพลเมืองในท้องถิ่นและเข้าใจปัญหา ของพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสงสารเห็นใจและความรู้สึกที่ดี

(๔) กำลังพลทุกนายจะปฏิบัติตนอย่างมีเสรีและตามสบาย ซึ่งจะก่อให้เกิดความล่อแหลมต่อชีวิตของตนเป็นอย่างมาก ผู้บังคับบัญชาจะต้องสร้างความมีสมดุลให้เกิดขึ้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น และความปลอดภัยในชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชา

(๕) นายทหารจะต้องปฏิบัติตนให้เป็นผู้ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องเหมาะสม เมื่อหน่วยที่แยกออกไปปฏิบัติการอาจต้องประสบปัญหาหรือสถานการณ์ที่ยากลำบาก การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้เกิดการยอมรับต่อกองกำลัง, ความสำเร็จในภารกิจ และความปลอดภัยของกำลังพลในหน่วยทหารรักษาสันติภาพ

(๖) หน่วยทั้งหมด จะต้องปฏิบัติตามนโยบายในกฎของการปะทะอย่างเคร่งครัด และการปฏิบัติต่าง ๆ จะต้องเป็นไปตามข้อตกลง โดยไม่มีการละเมิดหรือใช้ความรุนแรง ในการปฏิบัติการต่าง ๆ ซึ่งหน่วยจะต้องใช้มาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป เพื่อปฏิบัติตามกฎของการปะทะนั้น ย่อมจะมีอุปสรรคที่เกิดจากกำลังทหารของคู่กรณีและอาจเกิดข้อบาดหมางกันในระหว่างทหารชาติต่าง ๆภายในกองกำลังรักษาสันติภาพด้วย

ข. ในการรักษาสันติภาพ, เหตุการณ์หรือกรณีเล็ก ๆ จะมีผลอย่างใหญ่หลวงทางการเมือง เหตุการณ์ย่อย ๆ จะสามารถลุกลามขยายตัวกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้การประชุมฉุกเฉินภายในสภาความมั่นคง ถึงแม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบในการจัดการกับปัญหาหรือเหตุการณ์ย่อย ๆ ได้ด้วยหน่วยระดับต่ำที่สุด, แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงและกองบัญชาการกองกำลัง จะต้องเฝ้าสดับฟังและให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ย่อย ๆ เหล่านั้น โดยอาจเข้าช่วยเหลือในตอนต้นหรือเริ่มเหตุการณ์ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากการปฏิบัติการทางทหารทั่วไป

ค. การควบคุมแบบรวมการ จะช่วยทำให้มั่นใจว่าหน่วยรองจะปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ด้วยวิธีการในลักษณะเดียวกัน และอาจป้องกันการปฏิบัติผิดพลาดจากทหารรักษาสันติภาพ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ได้ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงย่อมไม่อาจคาดการณ์ได้แน่นอนว่า เหตุการณ์จะยุติหรือบานปลายทั้งนี้จะต้องยินยอมให้ผู้บังคับบัญชาระดับล่างได้ใช้ความริเริ่มภายในกรอบของภารกิจซึ่งเป็นไปตามนโยบายและ รปจ.

ง. หน่วยรองจะต้องให้ข้อมูลข่าวสารแก่หน่วยเหนือทุกขณะที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาไป หน่วยรองจะสามารถให้คำแนะนำในเรื่องหนทางปฏิบัติ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชามีเวลาพอเพียงที่จะประเมินสถานการณ์และกำหนดทิศทางหรือออกคำสั่งได้ หากหน่วยรองคาดว่าจะเกิดวิกฤติการณ์, ผู้บังคับบัญชาระดับสูงอาจจะต้องเดินทางเข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อแก้ไขปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้หน่วยรองจำเป็นต้องตัดสินใจปฏิบัติอย่างฉับพลันทันที ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ หน่วยรองจะต้องรีบรายงานการปฏิบัติของตนพร้อมกับเหตุผลไปยังผู้บังคับบัญชาของตนอย่างรวดเร็ว

๔ - ๒๗ เทคโนโลยี

เทคโนโลยีมีส่วนช่วยในการปฏิบัติ เพื่อรักษาสันติภาพได้อย่างมหาศาล ในภารกิจหนึ่ง ๆ อาจจำเป็นต้องใช้การขยายขอบเขตการปฏิบัติของฝ่ายเราหรือจำกัดขอบเขตการปฏิบัติของอีกฝ่ายหนึ่งด้วยเทคโนโลยี ระบบต่าง ๆ ที่อาจนำมาใช้เป็นประโยชน์ ได้แก่.-

• ระบบการข่าวกรอง

• ยุทโธปกรณ์ต่อต้านสงครามทุ่นระเบิด

• อุปกรณ์ช่วยตรวจการณ์ในเวลากลางคืน

• ระบบการติดต่อสื่อสาร

• ระบบการเฝ้าตรวจ

• เสื้อเกราะน้ำหนักเบา

• กล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ และกล้องถ่ายวิดีทัศน์ขนาด ๘ มม.

• แผนที่ภาคพื้นที่มีความถูกต้อง

ในตอนเริ่มแรกของการวางแผน ผู้บังคับหน่วยจะต้องพิจารณาใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นระบบตรวจจับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเฝ้าตรวจ หรือใช้ปฏิบัติในบทบาทหลักของการรักษาสันติภาพ ตัวอย่างเช่น ภารกิจสนามในประเทศ SINAI ซึ่งได้ใช้การประสานการปฏิบัติอย่าง กว้างขวางด้วยการใช้ระบบตรวจจับวางไว้ตามภูมิประเทศสำคัญต่าง ๆ

ก. การวิเคราะห์ จะช่วยให้กองกำลังรักษาสันติภาพได้เข้าใจถึงธรรมชาติของความขัดแย้ง และขีดความสามารถทางทหารของประเทศคู่กรณี จำเป็นต้องได้รับการศึกษาอย่างถ่องแท้

ข. การแจ้งเตือนให้ทราบถึงลักษณะท่าทีของประชาชน, วัฒนธรรม, ภาษา, การปกครอง, ศาสนา และสิ่งต่าง ๆ ที่ทหารรักษาสันติภาพอาจต้องประสบ (การสนับสนุน, การไม่ใส่ใจ, การเป็นปฏิปักษ์) จะช่วยให้การปฏิบัติการเป็นไปได้สะดวกขึ้น

ค. การได้มีความเข้าใจในสถานการณ์ และรัฐบาลของประเทศเจ้าบ้าน, การทหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถใช้สนับสนุนกองกำลังรักษาสันติภาพได้นั้น เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ง. การวิเคราะห์ภูมิประเทศในพื้นที่ปฏิบัติการของหน่วยทหารรักษาสันติภาพก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ทั้งนี้จะต้องศึกษาสภาพที่ตั้งของถนน, ทางรถไฟ, ท่าเรือ, ท่าอากาศยาน, ลักษณะธรรมชาติของภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม

จ. ความรู้ในสภาพภูมิประเทศและการประเมินค่าการพยากรสภาพอากาศในช่วงสั้น ๆ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ในบางภูมิภาคมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตามฤดูกาลอย่างรุนแรง การข่าวกรองสภาพอากาศและภูมิประเทศ จึงจำเป็นต้องใช้การได้ และได้รับการทบทวนโดยกองกำลังรักษาสันติภาพ เพื่อความมั่นใจว่าข่าวกรองนั้นได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย

๔ - ๒๙ โครงสร้างของกองกำลัง

การทบทวนโครงสร้างของกองกำลังรักษาสันติภาพของ UN ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโครงสร้างของหน่วยจะเป็นการใช้หน่วยที่มีการจัดแบบทหารราบเป็นหลัก เพิ่มเติมด้วยส่วนสนับสนุนและบุคลากรหน้าที่อื่น ๆ ที่จำเป็น ขนาดหน่วยมาตรฐานที่ใช้มักจะเป็นระดับกองพัน เนื่องจากเป็นหน่วยระดับที่มีความสมบูรณ์ในตัวเองทั้งระบบฝ่ายอำนวยการและการสนับสนุน ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาหน่วยที่มีความสมบูรณ์ในตัวเองทั้งหลาย หน่วยทหารราบเบา, พร้อมด้วยส่วนสนับสนุนเท่าที่จำเป็น ได้รับการออกแบบจัดตั้ง แจกจ่ายยุทโธปกรณ์ และรับการฝึกให้มีความพร้อม จะเป็นหน่วยที่มีความเหมาะสมในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ ภารกิจตามที่ระบุไว้ในอาณัติข้อบังคับจะใช้เป็นข้อพิจารณาในการดำเนินการจัดองค์ประกอบ และการเพิ่มเติมส่วนสนับสนุนที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยควรจะวางแผนนำอาวุธเครื่องยิงลูกระเบิด และอาวุธต่อสู้รถถังติดไปด้วย เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ของผู้สังเกตการณ์

ก. ขนาดของกองกำลังจะขึ้นอยู่กับอาณัติข้อบังคับ รวมทั้งขนาดและธรรมชาติของพื้นที่ที่หน่วยจะต้องเข้าควบคุม กองพันควรจะใช้กำลังภายในหน่วย พร้อมด้วยอาวุธในอัตรา รวมทั้งอาวุธต่อสู้รถถังและเครื่องยิงลูกระเบิด ตัวอย่างของการปฏิบัติการรักษาสันติภาพครั้งหนึ่ง ได้ใช้กองกำลังสังเกตการณ์การสงบศึก (UNDOF) มีจำนวนหน่วย สองกองพัน กำลังพลรวม ๑,๔๕๐ นาย เพื่อกำกับดูแลพื้นที่เขตกันชนแคบ ๆ ในระหว่างประเทศ ๒ ประเทศ บนที่ราบสูงโกลาน ประเทศทั้งสองนี้มีความต้องการให้หยุดยิง แม้ว่าจะมีฝ่ายหนึ่งยังไม่ต้องการให้มีการลงนามในสัญญาสันติภาพ และอีกตัวอย่างหนึ่งของกองกำลังรักษาสันติภาพของ UN ในเลบานอน (UNIFIL) จำเป็นต้องใช้หน่วยทหารถึง ๗ กองพัน มีกำลังพลรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗,๐๐๐ นาย หน่วยทหารทั้งหมดพยายามเข้าควบคุมพื้นที่กว้างใหญ่ที่แยกเป็นส่วน ๆ เต็มไปด้วยภูเขาและสภาพการณ์สงครามต่าง ๆ

ข. ส่วนของกำลังรบหลัก จะอยู่ในกองพันทหารราบ กองพันมีขีดความสามารถในการยึดรักษาที่มั่น, แสดงการปรากฏตัวได้อย่างต่อเนื่องถาวร พร้อมทั้งสังเกตการณ์, ตั้งจุดตรวจ, หน่วยกั้นกลาง และหน่วยลาดตระเวนป้องปราม หน่วยลาดตระเวนด้วยยานเกราะซึ่งมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่, มีการติดต่อสื่อสารกว้างไกล และมีขีดความสามารถในการลาดตระเวน จะมีประโยชน์ เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ที่มีความผันแปรรวดเร็วในพื้นที่ที่มีขนาดกว้างใหญ่กำลังทางอากาศที่มาให้การสนับสนุนจะช่วยเหลือในการลาดตระเวนทางอากาศ เพื่อพิสูจน์ทราบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการจำกัดอาวุธ การปรากฏตัวของกำลังทางอากาศจะช่วยป้องปรามการฝ่าฝืนละเมิดข้อตกลง ช่วยเสริมการระวังป้องกัน และในอีกทางหนึ่งจะช่วยเพิ่มบรรยากาศในความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่าคู่กรณีจะยึดถือและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด

ค. กองทัพบกสามารถจัดบุคลากรที่มีความชำนาญ และยุทโธปกรณ์ที่มีความหลากหลาย เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการรักษาสันติภาพ หน่วยทหารภายในกองทัพบกรวมทั้งกำลังพลมีความเหมาะสมต่อภารกิจและสามารถช่วยเหลือการปฏิบัติงานในกองกำลังนานาชาติที่จัดตั้งขึ้นได้

ง. กองกำลังรักษาสันติภาพ จะเป็นหน่วยที่มีการจัดแบบเฉพาะกิจ เพื่อให้มีความเหมาะสมในแต่ละครั้งคราวที่มีภารกิจ โครงสร้างของกองกำลังจะเกิดจากผลของการประเมินภารกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายรวมถึงการเมืองการปกครองในประเทศนั้น ๆ ด้วย ในพื้นที่ซึ่งมีการปะทะกันในตัวเมือง หรือพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง และอาจลุกลามขึ้นเป็นการรบขนาดใหญ่นั้น กองกำลังรักษาสันติภาพจำเป็นต้องมีโครงสร้างการจัดเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์และเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้อาจได้รับมอบอำนาจแบบกำลังตำรวจ หากการปะทะกันตามแนวชายแดนน่าจะเป็นภัยคุกคาม และก่อให้เกิดความรุนแรงระหว่างหน่วยทหารตามแบบของฝ่ายคู่กรณีแล้ว กองกำลังรักษาสันติภาพจะต้องมีโครงสร้างการจัดกำลัง และได้รับมอบพื้นที่ที่จะต้องเข้าควบคุมเพื่อทำการป้องปราม ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวมานั้น จะมีขนาดใหญ่กว่าหน่วยที่ได้รับเพียงภารกิจการตั้งรับ โครงสร้างกำลังขนาดมาตรฐานและส่วนสนับสนุนเพิ่มเติมนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ รวมทั้งความจำเป็นทางด้านภาษาและการใช้ชุดนายทหารติดต่อ จะต้องได้รับการพิจารณาเมื่อมีการจัดกำลังเฉพาะกิจ ข้อพิจารณาในการจัดโครงสร้างของกำลัง ได้แก่.-

(๑) ความมั่นใจว่า กองกำลังจะมีขนาดใหญ่พอเพียงที่จะป้องกันตน และสามารถแสดงกำลังได้

(๒) การทำให้กองกำลังมีความอ่อนตัวพอเพียงที่จะทุ่มกำลังเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยยังมีกำลังพอเพียงที่จะรับสถานการณ์ด้านอื่น

(๓) ความมั่นใจว่า ในกองกำลังผสม จะไม่มีกำลังของชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไปจนเป็นกลุ่มชนชาติข้างมากในกองกำลัง

๔- ๓๐ การพิทักษ์ป้องกันกำลัง

การระวังป้องกันในภารกิจการรักษาสันติภาพ คงมีความสำคัญเช่นเดียวกับในการปฏิบัติการทางทหารแบบอื่น ๆ

ก. การก่อการร้าย เป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับทหารรักษาสันติภาพ การปฏิบัติการปราบปรามนั้น จะรวมถึงการกำหนดบทลงโทษด้วย ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลที่ถูกกำหนดว่า เป็นผู้ก่อการร้ายสำหรับฝ่ายหนึ่ง อาจจะกลายเป็นกำลังรบเสรีสำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง เครื่องมือของทหารรักษาสันติภาพในการตรวจการณ์และสังเกตการณ์โดยเปิดเผย และการผสมผสานกันระหว่างกองกำลังของชาติต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ข. ทหารรักษาสันติภาพจะต้องเป็นกลาง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความแคลงใจว่ากองกำลังรักษาสันติภาพ ช่วยเหลือให้ข่าวสารแก่อีกฝ่ายหนึ่งแล้ว กองกำลังรักษาสันติภาพอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นหน่วยจารชน คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายอาจเริ่มไม่ให้ความร่วมมือ และเป็นปฏิปักษ์ต่อความสำเร็จของภารกิจ

ค. เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาว่าเป็นจารชน, ผู้บังคับบัญชาต้องควบคุมการถ่ายภาพในพื้นที่ปฏิบัติการ ทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่ถ่ายภาพที่มั่นของอีกฝ่ายหนึ่ง – จะต้องไม่มีการแสดงให้เห็นหรือการใช้กล้องถ่ายภาพใกล้กับหน่วยทหารของคู่กรณี

ง. ผู้บังคับบัญชา ต้องแสดงออกให้เห็นถึงการตระหนักในความสำคัญของการระวังป้องกันอาวุธ และกระสุนเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกรูปแบบของการปฏิบัติการ ชุดปฏิบัติการจะต้องตื่นตัว และระมัดระวังต่อหน่วยทหารที่มีอาวุธไม่สมบูรณ์เต็มรูปแบบ

จ. ผู้บังคับบัญชาจะต้องป้องกันที่มั่น,ที่บังคับการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ กำลังพลจะต้องระมัดระวังต่อการถูกโจมตีในลักษณะพิเศษเช่น การใช้ระเบิด,รถบรรทุกระเบิดและเครื่องยิงลูกระเบิด หากเป็นไปได้ จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้อาคารซึ่งง่ายต่อการเข้าถึงโดยไม่สามารถพิสูจน์ทราบบุคคล หรือพิสูจน์ทราบฝ่ายได้ล่วงหน้า กลุ่มบุคคลที่อยู่รวมกันในอาคารใดอาคารหนึ่ง จะต้องไม่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้าย การแสดงออกถึงความเป็นกลางและการไม่ลำเอียงของกองกำลังรักษาสันติภาพ จะช่วยประกันให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นเป้าหมายของผู้เป็นศัตรู ซึ่งก็ต้องการการป้องกันตนเช่นกัน อย่างไรก็ตามกองกำลังจะต้องเตรียมพร้อมรับการโจมตีจาก.กลุ่มหรือหน่วยที่มีความเข้มแข็งและชำนาญ

ฉ. กองกำลังรักษาสันติภาพมีความเสี่ยงในเรื่องการระวังป้องกันตน ซึ่งเกิดจากบุคลากรภายในกองกำลังเอง

(๑) กองกำลังรักษาสันติภาพไม่มีวิธีการที่จะตรวจสอบลูกจ้างภายในท้องถิ่น รัฐบาล หรือองค์กรนอกกฎหมายอาจใช้วิธีการบังคับ หรือกดดันบุคลากรที่เป็นลูกจ้างให้หาข่าวสารทางด้านการเมืองที่มีความล่อแหลม หรือข่าวสารเกี่ยวกับกำลังของฝ่ายตรงข้าม ผู้บังคับบัญชาจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างใหญ่หลวง เมื่อต้องถกแถลงถึงกิจกรรมของกองกำลัง และเมื่อต้องนำพาเอกสารภายในท้องถิ่นด้วยบุคคลของท้องถิ่นนั้น ๆ

(๒) เจ้าหน้าที่, เลขานุการ, เสมียน หรือเจ้าหน้าที่ติดต่อและบุคลากรสำคัญอื่น ๆ จะเป็นแหล่งข่าวสารที่สำคัญเกี่ยวกับการเมืองในท้องถิ่น, การใช้กำลังของประเทศเจ้าบ้าน, การทำสัญญาทางพาณิชย์ และสาระสำคัญทางด้านการเงิน บุคลากรต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นที่รู้จักกันในรัฐบาลของประเทศเจ้าบ้าน และกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาจพยายามใช้วิธีการหาข่าวสารหลายรูปแบบ

(๓) ผู้บังคับบัญชาจะต้องมั่นใจว่าบุคลากรผู้ซึ่งจะเดินทางเข้าไปในประเทศเจ้าบ้าน เพื่อปฏิบัติหน้าที่นั้นได้รับฟังคำชี้แจงถึงความเสี่ยงต่าง ๆ แล้ว และบุคลากรเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าตรวจของส่วนระวังป้องกัน

๔ - ๓๑ การวางกำลังของกองกำลังรักษาสันติภาพ

ข้อความในหัวข้อนี้จะอธิบายถึงวิธีการต่าง ๆ ในการใช้การวางกำลังของกองกำลังรักษาสันติภาพ

ก. การวางกำลังแบ่งมอบไปตามเขตรับผิดชอบอย่างถาวร

(๑) หน่วยจะศึกษาเรียนรู้ในเรื่องชุมชนและภูมิประเทศในเขตรับผิดชอบของตนซึ่งจะมีข้อดีในเรื่องการรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้อย่างเป็นขั้นตอนต่อเนื่องเป็นระบบ

(๒) ได้ประโยชน์จากการพัฒนาด้านความสัมพันธ์กับองค์กรระดับต่าง ๆ ของรัฐบาลประเทศเจ้าบ้าน, ตำรวจ และผู้นำของกลุ่มต่าง ๆ ที่รวมตัวเป็นคู่กรณี

(๓) ทหารรักษาสันติภาพจะเริ่มมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับกำลังทหารของท้องถิ่น และจะสามารถจดจำหรือแยกแยะกำลังพลในหน่วยทหารของฝ่ายคู่กรณีที่พยายามจะเดินทางผ่านจุดตรวจ โดยใช้การแต่งกายเป็นตำรวจหรือปลอมเป็นประชาชนพลเรือน

(๔) ทหารจะต้องใช้กลวิธีต่าง ๆ ในการดำรงรักษา และปรับปรุงที่มั่น และที่บังคับการ

(๕) ข้อเสียของวิธีการนี้ก็คือ หน่วยทหารชาติเจ้าบ้านย่อมจะแทรกแซงนโยบายของฝ่ายตนเข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้ วิธีการแทรกตัวเข้ามาในอดีตจะทำให้กองกำลังรักษาสันติภาพถูกมองในแง่ของความไม่คงเส้นคงวาในนโยบาย นอกจากนี้ ความเคยชินและนิสัยตามธรรมชาติ อาจนำไปสู่ความบาดหมางและเป็นศัตรูกับกำลังทหารของฝ่ายคู่กรณี

(๖) ในหน่วยกำลังทหารที่เพิ่งจัดตั้งเข้ารับภารกิจใหม่ ๆ ย่อมจะมีกิจกรรมและงานต่าง ๆ มากมายที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งทำให้กำลังพลภายในหน่วยมีความใส่ใจและตื่นตัวในการทำงาน (เช่น การจัดเตรียมที่มั่นและที่ตรวจการณ์, การแยกกำลังฝ่ายคู่กรณีออกจากกัน และการกำกับดูแลการถอนกำลัง รวมทั้งการส่งมอบพื้นที่) ความเบื่อหน่ายสามารถก่อตัวเกิดขึ้นได้ เมื่อกองกำลังทหารได้เข้าประจำในพื้นที่เป็นเวลานาน และภาระหน้าที่ กิจกรรมต่าง ๆ เริ่มลดน้อยลง กำลังทหารฝ่ายคู่กรณีไม่มีความเคลื่อนไหว และกำลังทหารเฝ้าตรวจพื้นที่เขตกันชนอย่างเงียบสงบ ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ

ข. การหมุนเวียนกันรับผิดชอบพื้นที่ภายในกองกำลัง

(๑) หน่วยทหารของแต่ละชาติ จะได้รับภารกิจให้ปฏิบัติ และมีความรู้ในพื้นที่เขตรับผิดชอบมากกว่าหนึ่งพื้นที่ วิธีนี้จะใช้ได้ผลและมีประโยชน์ต่อเมื่อมีภัยคุกคามเกิดขึ้นภายในพื้นที่เขตรับผิดชอบ และเป็นวิธีการที่ก่อให้เกิดการเกาะติดสถานการณ์และปัญหา ตลอดจนเหตุการณ์กรณีต่าง ๆ ตลอดจนทหารภายในหน่วยก็จะมีความตื่นตัวในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ

(๒) ในกรณีที่อาจเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างกองกำลังรักษาสันติภาพ และทหารของฝ่ายคู่กรณี หรือกรณีที่กองกำลังอาจเกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกันกับทหารของฝ่ายคู่กรณี การหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลังทหารรักษาสันติภาพออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่อื่น ๆ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

(๓) ข้อเสียประการหนึ่งก็คือ การมีเวลาอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการค่อนข้างน้อย กองกำลังทหารย่อมไม่สามารถเรียนรู้และมีประสบการณ์ในพื้นที่อย่างพอเพียง ทั้งในด้านของหน่วยราชการในพื้นที่และในด้านของบุคลากร รวมทั้งหน่วยทหารของฝ่ายคู่กรณี ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ อาจไม่ได้รับการถ่ายทอดหรือส่งต่อให้กับหน่วยที่เข้ามาผลัดเปลี่ยนอย่างพอเพียง

(๔) เหตุการณ์ร้ายแรงสามารถเกิดขึ้นได้กับหน่วยที่เข้ามารับหน้าที่การรักษาสันติภาพ โดยมีเวลาการศึกษารายละเอียดในพื้นที่ไม่พอเพียง เนื่องจากไม่สามารถกำหนดเป็นมาตรฐานได้ว่าจะใช้ระยะเวลายาวนานเท่าใด จึงจะพอเพียงสำหรับการศึกษารายละเอียด และรับ-ส่งหน้าที่สำหรับหน่วยทหารทั้งหมดในกองกำลังรักษาสันติภาพ การหมุนเวียนเพื่อปฏิบัติหน้าที่จึงอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้

(๕) การขาดการดูแลเอาใจใส่ และระมัดระวังในการบำรุงรักษา และปรับปรุงที่มั่นและที่บังคับการอาจเกิดขึ้น

(๖)การหมุนเวียนเพื่อปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งปัญหานี้นับว่าสำคัญมากเนื่องจากงบประมาณสำหรับการรักษาสันติภาพนั้นมีค่อนข้างจำกัดและหามาได้ยาก

ค. การใช้วิธีผสม

(๑) เมื่อเกิดปัญหาข้อยุ่งยากขึ้นจะต้องพยายามป้องกันความไม่ต่อเนื่องของนโยบายทางการเมือง และความกดดันทางการทหาร จะต้องถูกกำจัดออกไปจากหน่วยทหารของแต่ละชาติ ภาระหน้าที่ในการป้องปรามเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ แต่วิธีการปฏิบัตินั้นอาจส่งผลกระทบต่อกองกำลังให้ถูกมองไปในแง่ไม่ดี สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวทางการเมือง และนโยบายอื่นที่ตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลร้ายต่อหน่วยทหารทุกชาติ

(๒) เพื่อให้สามารถรับสถานการณ์ดังกล่าวได้ จึงจำเป็นต้องจัดกำลังกองหนุนเคลื่อนที่เร็วขึ้นไว้ที่ส่วนกลางของกองกำลัง กองหนุนดังกล่าวนี้จะถูกประกอบกำลังขึ้นเป็นหน่วยลาดตระเวนด้วยยานเกราะ ใช้กำลังทหารราบประมาณสองถึงสามหมวด เนื่องจากวิธีการที่ดีที่สุดคือ การให้หน่วยทหารของแต่ละชาติจัดกำลังทหารราบมารวมกันเป็นกองหนุนของกองกำลัง ดังนั้นหน่วยกองหนุนจึงเป็นกำลังทหารผสมระหว่างชาติต่าง ๆ สำหรับอากาศยาน, เครื่องมือติดต่อสื่อสารและส่วนสนับสนุนทางการส่งกำลังบำรุง คงได้รับการจัดตั้งขึ้นในลักษณะเดียวกัน

(๓) การที่จะให้หน่วยทหารที่ผสมกำลังขึ้นมาจากการรวมตัวของชาติต่าง ๆ สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการฝึกร่วมกัน ผู้บังคับหน่วยที่เป็นกองหนุนและผู้บังคับหน่วยรอง จะต้องใช้การลาดตระเวนเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับทำการฝึก โดยไม่ให้เกิดการตื่นตระหนก หรือรบกวนประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งหน่วยทหารของฝ่ายคู่กรณี กำลังทหารของชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมเป็นกองหนุนเคลื่อนที่เร็วนั้น ตามปกติแล้วจะยังคงอยู่กับหน่วยเหนือของตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น